สกู๊ปพิเศษ : เจาะลูกหนัง ‘สิงห์ จูเนียร์ คัพ’ เวทีสานฝัน ‘แข้งจิ๋วไทย’ สู่อนาคต

ศึกฟุตบอล 7 คน รายการ “สิงห์ จูเนียร์ คัพ” จัดการชิงชัยต่อเนื่องมายาวนานถึง 22 ปีแล้ว ซึ่งนับอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์ที่ช่วยในการขับเคลื่อนวงการลูกหนังไทย ตั้งแต่ระดับเยาวชนด้วยการเปิดเวทีให้น้องๆ นักฟุตบอลเยาวชนไทย รุ่นอายุ 10 ปี และรุ่นอายุ 12 ปี จากทั่วประเทศได้เข้าร่วมชิงชัย เพื่อพัฒนาฝีเท้าขึ้นไปสู่เป้าหมาย

ที่ผ่านมา “สิงห์ จูเนียร์ คัพ” เริ่มต้นครั้งแรกจากการจัดแข่งขันฟุตบอลบริเวณพื้นที่ของเขตดุสิต กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี จำกัด จากนั้นได้มีการขยายการจัดแข่งขันไปเป็นในระดับภาคกลาง ก่อนที่จะมีการขยับขยายกระจายการแข่งขันไปสู่ในระดับประเทศ และที่ผ่านมาได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง

ในปีนี้เป็นการจัดการแข่งขันครั้งที่ 22 ของ “สิงห์ จูเนียร์ คัพ” ซึ่งได้จัดการชิงชัยกระจายไปเป็น 8 สนามทั่วประเทศไทย โดยสนามแรก จัดที่สนามวินนิ่ง 7 พุทธมณฑล สาย 1 กรุงเทพฯ วันที่ 26 ตุลาคม, สนาม 2 ที่สนามอิกเกีย อารีน่า จ.สุราษฎร์ธานี วันที่ 2 พฤศจิกายน, สนามที่ 3 ที่สนามสปอร์ต พาราไดส์ จ.อยุธยา วันที่ 9 พฤศจิกายน

 

Advertisement

 

สนามที่ 4 ถือเป็นไฮไลต์ จัดขึ้นที่สิงห์ ปาร์ค เชียงราย วันที่ 16 พฤศจิกายน, สนามที่ 5 ที่สนามเมอร์ อารีน่า จ.ขอนแก่น วันที่ 23 พฤศจิกายน, สนามที่ 6 ที่สนามสิงห์ เชียงใหม่ เอฟซี อคาเดมี วันที่ 1 ธันวาคม, สนามที่ 7 ที่สนาม 345 เอฟซี จ.ปทุมธานี วันที่ 7 ธันวาคม และสนามที่ 8 ที่สนามเมเจอร์ อารีน่า วันที่ 14 ธันวาคม

Advertisement

จากทั้งหมด 8 สนามมีทีมส่งเข้าร่วมกว่า 500 ทีม ทำให้รวมเยาวชนที่ร่วมดวลแข้งทะลุ 6,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นรายการที่มีนักเตะจิ๋วเข้าร่วมชิงชัยเป็นจำนวนมาก และก็มีความเข้มข้นอยู่ที่การแย่งชิงความเป็นหนึ่งของแต่ละสนาม เพื่อคว้าสิทธิ์เป็นตัวแทนผ่านเข้าไปในรอบชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ที่สนามแกรนด์ บัลลง ดอร์ พุทธมณฑล สาย 3 วันที่ 11 มกราคม 2563 ซึ่งจะตรงกับวันเด็กแห่งชาติในปีหน้า

ไฮไลต์ของการชิงชัยรอบคัดเลือกในสนามที่ 4 ที่สิงห์ ปาร์ค เชียงราย มีทีมส่งเข้าร่วมชิงชัยกันอย่างเป็นจำนวนมากถึง 60 ทีม โดยมี เพลินพิศ หาญเจริญวนะภูษิต ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สิงห์ ปาร์ค เชียงราย จำกัด เป็นประธานในพิธีเปิด และมอบรางวัลให้กับทีมชนะเลิศทั้งรุ่นอายุ 10 ปี และรุ่นอายุ 12 ปี

 

 

เพลินพิศ หาญเจริญวนะภูษิต กล่าวว่า สิงห์ จูเนียร์ คัพ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 22 แล้ว ซึ่งได้จัดกิจกรรมต่อเนื่องมากจากครั้งแรกที่จัดกันที่เขตดุสิต และก็ได้มีการขยายไปทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยสนามที่สิงห์ ปาร์ค เชียงราย จัดว่าเป็นสนามที่มีความสวยงาม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงการเกษตรด้วย ซึ่งทุกปีจะมีนักกีฬาเยาวชนมาเข้ามาร่วมจำนวนมาก โดยกิจกรรมนี้จะเป็นการเสริมสร้างน้องๆ และที่ผ่านมาหลายคนก็ก้าวไปติดทีมชาติแล้วด้วย

“เราทำกิจกรรมต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งด้านการกีฬา การศึกษา ดนตรี ศิลปะ และด้านอื่นๆ ซึ่งกิจกรรมสิงห์ จูเนียร์ คัพ ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เรามุ่งหวังในการพัฒนาเยาวชนไทยให้มีศักยภาพที่ดีในด้านกีฬาฟุตบอล กระแสตอบรับปีนี้ถือว่าดีมาก ส่วนความคาดหวังเราต้องการที่จะสร้างเยาวชน ทุกคนอาจจะไม่ได้เป็นนักกีฬาอาชีพหมด แต่อย่างน้อยการได้มีเวทีแข่งขันจะทำให้รู้จักระเบียบวินัย และน้ำใจนักกีฬา”

สิงห์ จูเนียร์ คัพ สนามที่ 4 ที่สิงห์ ปาร์ค เชียงราย มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้นถึง 60 ทีมใน 2 รุ่นอายุคือ รุ่นอายุ 10 ปี และรุ่นอายุ 12 ปี โดยทีมที่เข้ามาช่วยสร้างสีสันในครั้งนี้ทีมหนึ่งคือ เอกพล อคาเดมี ของ “โค้ชเอก” เอกพล จันทะวงษ์ หนึ่งในทีมโค้ชของ หมูป่า อคาเดมี แม่สาย ซึ่งได้มาเปิดอคาเดมีเป็นของตัวเอง และส่งทีมเข้าร่วมการชิงชัยทัวร์นาเมนต์นี้เป็นปีแรก

 

 

“โค้ชเอก” เอกพล จันทะวงษ์ เปิดเผยว่า การส่งทีมเข้าร่วมรายการสิงห์ จูเนียร์ คัพ เนื่องจากอยากให้น้องๆ ในอคาเดมีได้หาประสบการณ์ และได้มีโอกาสแข่งขันกับทีมระดับมืออาชีพ ซึ่งน้องๆ ในอคาเดมีก็คัดมาจาก อ.แม่สาย ต่างคนก็ต่างชวนกันมาเข้าร่วมที่อคาเดมี ซึ่งถือเป็นการให้น้องๆ ทุกคนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ดีกว่าไปเล่นเกม หรือทำสิ่งที่ไม่ดี

“ผมอยากให้น้องๆ ใช้เวลาว่างในการเล่นฟุตบอล และก็ได้ส่งเข้าร่วมรายการต่างๆ มาเรื่อยๆ จนตัดสินใจส่งทีมเข้าร่วมรายการสิงห์ จูเนียร์ คัพ ซึ่งตั้งเป้าขอแค่ได้เข้าร่วมก็พอใจแล้วครับผม ผลแพ้ชนะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเราไม่ได้หวังตรงนี้ แต่เราหวังให้ทีมเราได้เข้าร่วมรายการใหญ่ของประเทศก็พอใจแล้ว ซึ่งก็รู้สึกดีใจมากที่ได้เข้าร่วมเป็นปีแรก และจะพยายามส่งทีมเข้าร่วมในปีต่อๆ ไปเรื่อยๆ แน่นอนครับ” โค้ชเอก กล่าว

สำหรับทีมใหญ่ที่ส่งเข้าร่วมชิงชัยที่สนามสิงห์ ปาร์ค เชียงราย มาต่อเนื่องในระยะหลังคือ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด อคาเดมี ซึ่งเป็นทีมเยาวชนของสโมสร “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ทีมแชมป์ไทยลีกปีล่าสุด ซึ่งส่งทีมเข้าร่วมมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา และก็สามารถคว้าแชมป์รอบคัดเลือก 2 สมัย รวมทั้งยังเคยก้าวไปถึงแชมป์ระดับประเทศไทยมาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน

“โค้ชกอล์ฟ” บดินทร์ แผ่นดาน โค้ชทีมสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด อคาเดมี เปิดเผยว่า รายการนี้มีการพัฒนาที่ดีขึ้น จำนวนทีมเยอะขึ้น ระดับความสามารถของเด็กก็ดีขึ้น ขณะที่การจัดการก็ดีเหมือนเดิม ซึ่งส่วนตัวก็รู้สึกดีที่สิงห์จัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ ทำให้เด็กในท้องที่ หรือเด็กในอคาเดมีเล็กๆ ได้มีรายการแข่งขัน ซึ่งทุกปีที่เราส่งทีมเข้าร่วมก็พยายายามทำผลงานให้เต็มที่

ขณะที่ “น้องฟิวเจอร์” ญาณพัฒน์ พรมปัญญา นักเตะทีมสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด อคาเดมี วัย 11 ปี กล่าวว่า อยู่ในอคาเดมีนี้มา 3 ปีแล้ว และตั้งเป้าว่า อยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพในอนาคต โดยได้ลงแข่งสิงห์ จูเนียร์ คัพ เป็นปีที่ 4 แล้ว ซึ่งทุกปีก็มีความสนุกตื่นเต้น นอกจากนี้ การเข้าร่วมรายการนี้จะช่วยในการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายได้

 

 

ด้านนักเตะเยาวชนหญิงก็มีเข้าร่วมรายการนี้ด้วยเช่นกัน โดยดาวรุ่งสาวไทยหนึ่งคนที่น่าจับตามองคือ “น้องขมิ้น” ญัฐชานันท์ มหาวรรณ์ ดาวเตะสาววัย 11 ปี จากทีมเคเค อคาเดมี โดยน้องขมิ้น กล่าวว่า แม้เพิ่งเริ่มเล่นฟุตบอลได้ไม่นาน แต่ก็รู้สึกชื่นชอบ เพราะได้ออกกำลังกาย ซึ่งการเข้าร่วมสิงห์ จูเนียร์ คัพ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีของตัวเองในการพัฒนาระดับฝีเท้า เพื่อก้าวไปตามความฝันอยากจะติดทีมชาติหญิงให้ได้ในอนาคต

ถือเป็นอีกหนึ่งสนามที่มีสีสันสำหรับศึกฟุตบอล 7 คน สิงห์ จูเนียร์ คัพ ครั้งนี้ 22 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการชิงชัยกันอย่างเข้มข้น เพื่อแย่งกันเป็นตัวแทนเข้าไปแข่งขันรอบชิงแชมป์ประเทศไทยต่อไป ซึ่งนอกจากจะได้เงินรางวัล พร้อมถ้วยเกียรติยศแล้ว ยังจะมีโอกาสได้เข้าร่วมการฝึกทักษะฟุตบอลระดับโลกพิเศษกับสต๊าฟโค้ชจากอคาเดมีของสโมสร “สิงห์บลูส์” เชลซี จากประเทศอังกฤษ อีกด้วย ซึ่งถือเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าสำหรับน้องๆ เยาวชนไทย

“สิงห์ จูเนียร์ คัพ” นับเป็นเวทีเล็กๆ ที่เปิดโอกาสให้กับเยาวชนไทยได้ก้าวตามหาฝันใหญ่ๆ ของทุกคนที่ต่างมุ่งหวังอยากจะก้าวไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพ รวมทั้งก้าวไปติดทีมชาติไทยต่อไปในอนาคต

อีกไม่นานผลผลิตจากฟุตบอลรายการนี้จะก้าวขึ้นไปสร้างผลงานในระดับนักฟุตบอลอาชีพ รวมทั้งก้าวไปติดธงรับใช้ทีมชาติไทย พร้อมกับสร้างชื่อเสียงให้กับวงการฟุตบอลไทยในอนาคตได้อย่างแน่นอน…

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image