ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย พ่าย เกาหลีใต้ 0-3 เซต 22-25, 20-25 และ 20-25 ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ศึก “เอสโคล่า” วอลเลย์บอลหญิง “โตเกียว 2020” รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ที่สนามชาติชาย ฮอลล์ จ.นครราชสีมา เมื่อค่ำวันที่ 12 มกราคม
สถิติที่น่าสนใจก่อนเกม ทั้งสองทีมเคยเจอกันในรายการคัดโอลิมปิก 4 ครั้ง เกาหลีใต้ชนะ 3 ครั้ง ส่วนไทยชนะ 1 ครั้ง โดยนับตั้งแต่ปี 2010 ทั้งสองทีมเจอกันในรายการอย่างเป็นทางการ 19 ครั้ง ไทยชนะ 8 ครั้ง เกาหลีใต้ ชนะ 11 ครั้ง
ส่วนแมตช์ล่าสุดที่เจอกัน คือการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย 2019 ที่เกาหลีใต้ และเป็นเกาหลีใต้ ชนะ 3-1 เซต ส่วนชัยชนะของไทยเกมล่าสุด คือในเนชั่นส์ลีก 2019 ที่มาเก๊า ด้วยสกอร์ 3-1 เซต
สำหรับ “โค้ชด่วน” ดนัย ศรีวัชรเมธากุล หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย จัดทัพผู้เล่น 6 คนแรกดังนี้ ทัดดาว นึกแจ้ง (4), ปลื้มจิตร์ ถินขาว (5), อรอุมา สิทธิรักษ์ (6), นุศรา ต้อมคำ (13), มลิกา กันทอง (15), พิมพิชยา ก๊กรัมย์ (16) และมีปิยะนุช แป้นน้อย (2) เป็นตัวรับอิสระ
ด้านทีมชาติเกาหลีใต้ สเตฟาโน ลาวารินี หัวหน้าผู้ฝึกสอนส่งผู้เล่น 6 คนแรก ดังนี้ คิม ฮี จิน (4), คิม ยอน คยอง (10-กัปตัน), คิม ซู จี (11), ยาง ฮโย จิน (14), อี แจ ยอง (17), อี ดา ยอง (19) และใช้ คิม แฮ รัน (5) เป็นตัวรับอิสระ
เซตที่ 1 เริ่มต้นเซตทั้งสองทีมผลัดกันทำแต้มได้สู้สี ก่อนที่เกาหลีใต้จะใช้การเสิร์ฟที่หนักหน่วงเก็บ 3 แต้มรวดขึ้นนำ 7-4 จากนั้นไทยยังคงมีปัญหาเรื่องรับเสิร์ฟจนตั้งเกมบุกได้ลำบาก จึงพยายามใช้แผนการเล่นที่หลากหลายทั้งบอลผสมและะบอลเร็วเข้าสู้ ไล่เก็บแต้มตามหลังเรื่อยมา จนกระทั่งพิมพิชยา ก๊กรัมย์ ขึ้นตบให้ไทยแซงนำ 14-13 แต่ทว่าเกาหลีใต้ซึ่งมีเกมบุกที่รุนแรงยังมีอี แจยอง ตบ 2 ลูกรวดให้เกาหลีใต้แซงคืน 16-15
จากนั้นทีมไทยส่ง อัจฉราพร คงยศ (18) กับมือเซต พรพรรณ เกิดปราชญ์ (3) ลงเล่นแทนพิมพิชยา และนุศรา แต่ทว่าเกาหลีใต้ยังมีได้คิม ยอน คยอง ขึ้นตบให้เกาหลีใต้ขยับหนีเป็น 21-17 จนไทยที่ตกเป็นฝ่ายรับและตีเสียเองต้องขอเวลานอกแก้เกม พร้อมกับส่งพิมพิชยาและนุศรากลับมาอีกครั้ง ต่อจากนั้นส่งชัชชุอร โมกข์ศรี (19) ลงเล่นแทนทัดดาว แต่เกาหลีใต้ที่ใช้เกมบล็อกสกัดทีมไทยได้หลายครั้ง และไทยยังมีการตีเสียเอง รวมถึงลูกสุดท้ายของเซต ทำให้เกาหลีใต้ชนะไปก่อน 25-22
เซตที่ 2 เกมยังออกสตาร์ตด้วยความสูสี แต่เกาหลีใต้ทำเกมรุกได้ดีกว่า ทั้งบอลหนักและบอลเร็วชิงขึ้นนำ 6-4 จากนั้นนุศราเสิร์ฟเอซให้ไทยตีเสมอ 6-6 ต่อมาไทยส่งอัจฉราพรลงสนามแทนพิมพิชยาอีกครั้ง ไทยพยายามช่วยกันเล่นเกมรับยื้อได้หลายหน แต่เกาหลีใต้ก็ยังตบเก็บแต้มหนีห่างเป็น 13-9 ซึ่งในช่วงนี้ไทยเปลี่ยนตัวนุศราและวิลาวัณย์ออกและใช้พรพรรณ กับ ชัชชุอร ลงสนามแทน แต่จากนั้นคิม ฮี จิน เสิร์ฟเอซให้เกาหลีใต้หนีเป็น 16-10
ทีมไทยส่งนุศรากับวิลาวัณย์กลับมาอีกครั้ง โดยวิลาวัณย์หยอดสวยให้ทีมไทยไล่เป็น 11-16 แต่จากนั้นทีมไทยเริ่มรวนมีเสิร์ฟเสีย รับบอลแรกไม่เข้าจุดจนโดนเกาหลีใต้โจมตีหนีเป็น 18-13 แต่ทีมไทยก็เริ่มทำเกมบล็อกได้ดี รวมถึงเกาหลีใต้เซตไม่เข้าใจกัน ทำให้ไทยจี้เป็น 17-19 อย่างไรก็ตามเกาหลีใต้กอบโกยแต้มจากลูกทัชเอาต์และการตบของคอม ยอน คยอง ทำให้ทีมโสมขาวปิดเซตสองได้สำเร็จ 25-20
เซตที่ 3 เซตนี้เกมรับของไทยยังคงเจองานหนัก พยายามยื้อไว้หลายครั้ง แต่ต้านไม่ค่อยอยู่ รวมถึงเกมรุกที่ตีเสียเองจนตกเป็นฝ่ายตามหลัง 3-6 โค้ชด่วนจึงต้องขอเวลานอกแก้เกมทันที แม้ทีมไทยจะเสิร์ฟเสียบ้าง แต่ก็ช่วยกันทำแต้มไล่มาจนกระทั่งอรอุมาขึ้นตให้ไทยตีเสมอสำเร็จ 9-9 กองเชียร์ไทยเริ่มเสียงกระหึ่มขึ้นจนทำให้เกาหลีใต้เริ่มผิดพลาดเองบ้าง รวมถึงการตีแฉลบเน็ตออก ทำให้ไทยแซงนำ 12-10 จนทีมโสมขาวต้องขอเวลานอกแก้เกม
เกมรับของไทยเนิ่มดีขึ้น ปลื้มจิตร์กับพรพรรณบล็อกให้ไทยขยับนำ 13-10 แต่จากนั้นเกมรุกไทยเริ่มตบไม่ตาย มีจังหวะตีเสียเอง รวมถึงเสียแต้มจากการโดนตีทัชเอาต์หลายครั้ง จนเกาหลีใต้แซงนำ 16-14 จากนั้นทีมไทยมีอรอรุมาเสิร์ฟหนักจนเกาหลีใต้รับล้น ทำให้ปลื้มจิตร์ตบเร็วให้ไทยตีเสมอ 16-16 แต่เกาหลีใต้มีความเฉียบคมและตบหนักหน่วงจนทีมไทยตั้งเกมลำบาก และยังตีติดบล็อกจนตามหลัง 17-21
ช่วงท้ายไทยส่งนุศรากับมลิกากลับลงสนาม แต่สุดท้ายสาวไทยก็ต้านไม่ไหว พ่ายไป 20-25
ส่งผลให้ เกาหลีใต้คว้าตั๋วโซนเอเชียใบสุดท้าย ผ่านเข้ารอบสุดท้ายศึกโตเกียวเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีทั้งหมด 12 ทีม (รวมญี่ปุ่นเจ้าภาพ) ไปประชันกันเพื่อชิงเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงโตเกียว ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมปีนี้
ส่วนการแข่งขันรอบชิงอันดับ 3 คาซัคสถาน ชนะ ไต้หวัน 3-1 เซต 25-21, 22-25, 25-21 และ 27-25
