กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กำหนดจัดประกวด “บริหารกายหน้าเสาธง” ประจำปี 2563 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ 2563 ที่บริเวณลานด้านหน้าอาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ ประเภทการประกวดนั้น เป็น ทีม 8 คน คุณสมบัติของผู้เข้าประกวด ต้องเป็นนักเรียนระดับประถมศึกษา อายุตั้งแต่ 6-12 ปี หรือเกิดตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 จนถึงปี พ.ศ.2556
สำหรับเพลงที่ใช้ประกวดจะต้องใช้เพลงบังคับโดยเลือกเพลงใดเพลงหนึ่งระหว่าง Forever Young หรือเพลง Wake Up ซึ่งจากการคัดเลือก เวลานี้ได้ทีมต่างๆ ที่จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ วันที่ 1 – 2 กุมภาพันธ์ ที่กรุงเทพมหานครเรียบร้อยแล้ว
การประกวดรอบชิงชนะเลิศ ทั้ง 30 ทีมนั้น คณะกรรมการกำหนดเกณฑ์การให้คะแนนไว้ดังนี้ ความถูกต้องของรูปแบบการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ 20 คะแนน / ความแข็งแรง ความอ่อนตัว และความมั่นคงขณะเคลื่อนไหว 15 คะแนน / การจัดระเบียบร่างกายและการเคลื่อนไหวที่ไม่นำไปสู่การบาดเจ็บ 20 คะแนน / ความพร้อมเพรียง จังหวะ 15 คะแนน / ความคิดสร้างสรรค์ในการประยุกต์รูปแบบการออกกำลังกาย 30 คะแนน
รางวัลสำหรับการประกวด ชนะเลิศ รับโล่พร้อมเงินรางวัล 80,000 บาท / รองชนะเลิศ รับโล่รางวัลพร้อมเงิน 50,000 บาท / อันดับ 3 รับโล่รางวัลพร้อมเงิน 30,000 บาท / อันดับ 4 รับโล่รางวัลพร้อมเงิน 15,000 บาท (จำนวน 2 รางวัล) นอกจากนี้ยังมีรางวัลขวัญใจมหาชน 10,000 บาท
“บิ๊กติ” นายสันติ ป่าหวาย อธิบดีกรมพลศึกษา เปิดเผยว่า แนวคิดเริ่มต้นประกวดบริหารกายหน้าเสาธงเพราะกรมพลศึกษาเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการส่งเสริม สนับสนุนการมีสุขภาพที่ดีของ ประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย โดยสนับสนุนให้ทุกคนได้ใช้กิจกรรมการออกกำลังกายเป็นสื่อในการดูแลสุขภาพและส่งเสริมให้ออกกำลังกาย อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บ และกระทำอย่าง ต่อเนื่องสม่ำเสมอในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยเด็ก กรมพลศึกษาได้ตระหนักและให้ความสําคัญถึงการเสริมสร้างพลานามัยของเด็กๆ วัยปฐมศึกษาซึ่งจะเป็นการสร้างนิสัยการรักออกกำลังกาย รักสุขภาพจึงได้เกิดแนวคิดที่จะปลูกฝังค่านิยมของการออกกำลังกายให้กับกลุ่มของเด็กเยาวชนเพื่อ เป็นจุดเริ่มต้น กระตุ้น ให้สังคมหันมาดูแลสุขภาพและเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เด็กๆ หันมาสนใจดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น จึงได้จัดกิจกรรมการประกวดต้นแบบบริหารกายหน้าเสาธง โดยเน้นความถูกต้องตามหลักการของการออกกำลังกายและสามารถนำไปใช้ได้ จริงเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เด็กปฐมวัย ในโรงเรียนรู้รักการออกกำลังกาย
อธิบดีกรมพลศึกษา กล่าวต่อไปว่า การประกวดต้นแบบบริหารกายหน้าเสาธง กรมพลศึกษาได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง เข้าปีที่ 4 แล้ว ดังนั้น เราจึงได้รับความสนใจจากโรงเรียนทั่วประเทศซึ่งทางโรงเรียนได้มีการส่งคลิปการประกวดเข้ามาในรอบคัดเลือกกว่า 100 ทีม จากทั่วประเทศโดยมีครบทุกจังหวัด การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ในฐานะเราเป็นองค์กรที่ส่งเสริม สนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพพลานามัยที่ดี ดังนั้นกิจกรรมทุกกิจกรรมของเรา ล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น การจัดกิจกรรม ครั้งนี้เราเชื่อว่าจะสร้างกระแสให้เด็กๆ และประชาชนทั่วไปได้ เห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกาย และออกกำลังกายอย่างถูกต้องตามหลักการ และสามารถนำไปใช้ได้จริง เป็นต้นแบบของการออกกำลังกายสำหรับทุกคน
