‘เร็กซี ไมนากี’ คุมเข้มนักแบดมินตันไทยฝึกซ้อมช่วง ‘โควิด’ ผ่านเทคโนโลยีสมาร์ทวอชส์

‘เร็กซี ไมนากี’ คุมเข้มนักแบดมินตันไทยฝึกซ้อมช่วง ‘โควิด’ ผ่านเทคโนโลยีสมาร์ทวอชส์

ความเคลื่อนไหวของวงการแบดมินไทยท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 โดย เร็กซี ไมนากี หัวหน้าผู้ฝึกสอนแบดมินตันทีมชาติไทยชาวอินโดนีเซียได้ทำการใช้วิธีนำเทคโนโลยีนาฬิกาสมาร์ทวอชส์ (Smartwatches) เป็นเครื่องช่วยติดตามการฝึกซ้อมของนักกีฬาทีมชาติซึ่งในตอนนี้ต่างแยกย้ายกันไปฝึกซ้อมที่บ้าน และรายงานโปรแกรมการฝึกซ้อมรวมทั้งเฝ้าดูวิดีโอจากผู้ฝึกสอนและโค้ช

หัวหน้าผู้ฝึกสอนขนไก่ไทยกล่าวว่า เทคโนโลยีอย่างสมาร์ทวอชส์ ถือว่ามีประโยชน์และสามารถทำให้การฝึกซ้อมของนักกีฬาและการตรวจสอบจากทีมงานผู้ฝึกสอนมีประโยชน์ โดยนักกีฬาไทยสวมใส่สมาร์ทวอชส์ ทั้งในและนอกสนามมาหลายเดือนแล้ว ทำให้ทีมงานสามารถตรวจสอบรายละเอียดรวมทั้งข้อมูลของนักกีฬา เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ การนอนหลับ และการแข่งขัน โยเน็กซ์ ออล อิงแลนด์ ที่เพิ่งจบไป สมาร์ทวอชส์ ก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์มาก

“ผู้เล่นส่วนใหญ่ถูกขอให้สวมสมาร์ทวอชส์ ทำให้เราสามารถตรวจสอบพวกเขาได้ เราสามารถเปรียบเทียบข้อมูลปัจจุบันกับข้อมูลเก่า โดยมีทีมสนับสนุนส่งรายงานความคืบหน้าของผู้เล่นมาให้ผมรู้ว่าพวกเขาผลักดันตัวเองมากแค่ไหน ซึ่งทีมชาติไทยก็เหมือนนักกีฬาชาติอื่นๆ คือ ไม่สามารถกลับไปฝึกซ้อมตามปกติหลังจบการแข่งขันออลอิงแลนด์ แต่เพื่อรักษาสภาพร่างกายที่พวกเขามีภารกิจจะต้องฝึกกายภาพวันละ 2 ครั้ง 6 วันต่อสัปดาห์ ทำให้ทีมงานสามารถใช้เทคโนโลยีนี้ตรวจสอบ รวมถึงการติดตาม ประชุม และแนะนำนักกีฬา”

เร็กซี ไมนากี กล่าวต่อว่า เรามีทีมงาน 3 คนติดตามตรวจสอบนักกีฬา 10 คน ผมได้แต่งตั้งโค้ชหนึ่งคนเพื่อคอยตรวจสอบวินัย โค้ชทุกคนต้องจัดการกับผู้เล่นประมาณ 10 คนเพื่อให้พวกเขาฝึกซ้อมอย่างมีคุณภาพ โปรแกรมส่วนใหญ่ของนักกีฬาในขณะนี้คือการดูและสภาพความฟิตของร่างกาย ที่จะต้องฝึกซ้อมครั้งละ 2 ชั่วโมง วันละ 2 ครั้ง ซึ่งเดิมจะลงสนามฝึกซ้อมในวันอังคารและวันศุกร์ แต่เมื่อทำไม่ได้ นักกีฬาก็จะต้องฝึกซ้อมเอง ซึ่งช่วยรักษารูปแบบและการตอบสนอง โดยพวกเขาควรถือแร็กเก็ตเพื่อไม่สูญเสียการจับ โดยอาจจะตีใส่กำแพงหรือการวิ่งคอร์ดจำลองสถานการณ์

Advertisement

นอกจากนี้เราสามารถเพิ่มการออกกำลังกายให้มากที่สุด ผมจึงสั่งให้ผู้ฝึกสอนทางกายภาพตั้งโปรแกรม ถ้าเราปล่อยให้ผู้เล่นฝึกซ้อมคนเดียวอาจจะได้ผลไม่เต็มร้อย มันจึงแตกต่างกันถ้ามีโค้ชตรวจสอบผ่านวิดีโอและเราสามารถชี้ให้เห็นบางสิ่งได้ โค้ชทุกคนได้รับคำสั่งให้ติดตามผู้เล่น ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้น อยู่ที่นักกีฬาที่จะต้องใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ เพราะทีมงานโค้ชไม่รู้ว่านักกีฬามีอุปกรณ์อยู่ที่บ้านมากน้อยแค่ไหน ส่วนใหญ่มีจักรยานหรือดัมเบลขนาดเล็ก นักกีฬาจึงควรจะสามารถใช้เทคโนโลยีมากกว่าวิธีการดั้งเดิม เช่น การใช้ก้อนหินหรือของหนักใส่เป้หรือกระเป๋าสะพายหลัง โดยนอกเหนือจากนั้น ทีมงานผู้ฝึกสอนยังสนับสนุนให้พวกเขาดูวิดีโอ โดยโค้ชติดต่ออย่างต่อเนื่องและให้คำแนะนำ

อย่างไรก็ตาม เร็กซี ยอมรับว่าสิ่งสำคัญที่จะต้องให้การสนับสนุนนักกีฬาคือเรื่องจิตใจ เพราะนักกีฬาบางคนไม่คุ้นเคยกับการต้องฝึกซ้อมและเคี่ยวเข็นตัวเองที่บ้าน ตนอยากจะเรียกประชุมโค้ชทุกคนและนัดกับนักจิตวิทยา ผู้เล่นบางคนอาจจะเบื่อที่จะต้องซ้อมเอง ทีมจึงต้องพยายามหาวิธีฆ่าความเบื่อหน่ายนั้น เพราะมันไม่ค่อยดีนักหากพวกเขาต้องนั่งดูวิดีโอตลอดเวลา ในสถานการณ์แบบนี้ มีแง่บวกไม่มากนัก สิ่งที่ทีมกำลังทำอยู่เป็นเพียงมาตรการฉุกเฉินเท่านั้น หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยกล่าว

 

Advertisement

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image