‘เมย์’ เผยเคล็ดสู่ ‘ว่าที่ด็อกเตอร์’ ยอมรับสาหัสต้องเรียน+เล่นกีฬา

‘เมย์’ เผยเคล็ดสู่ ‘ว่าที่ด็อกเตอร์’ ยอมรับสาหัสต้องเรียน+เล่นกีฬา

หลังจาก “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันขวัญใจชาวไทย มืออันดับ 5 ของโลก เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนไทยแม้จะเป็นนักกีฬาดังระดับโลกแต่ไม่ทิ้งการศึกษาจบการศึกษาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์นั้น

ล่าสุด “น้องเมย์” เปิดเผยว่า การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยจริงๆ แล้วอาจจะไม่มากพอเหมือนนักศึกษาคนอื่นๆ เพราะว่าเมย์เองอยู่ในเส้นทางที่ต้องฝึกซ้อมและตระเวณแข่งขันทุกๆ เดือน แต่ก็ยังดีที่มีอาจารย์คอยแนะนำให้คำปรึกษาว่า ช่วงเดือนนี้อยู่ที่ประเทศไหน เมย์เองก็ต้องเอางานไปทำในช่วงแข่งขันด้วย หรืออาจจะมีการมาเรียนเสริมในตอนหลังทั้งวันอาทิตย์ หรือวันจันทร์ ที่เลือกเรียนรัฐศาสตร์จริงๆ เมย์เองยังไม่รู้ว่าชอบเส้นทางแบบไหนเพราะเมย์ชอบด้านศิลปะ บางทีเราต้องทุ่มกับการฝึกซ้อมไปทุ่มกับการเรียนได้ไม่เต็มที่ เรื่องเรียนไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้นแต่ว่า ทุกคนจะบอกว่าควรเลือกเรียนที่ตัวเองชอบมากที่สุดเพราะจะนำไปใช้ในชีวิตในอนาคตได้

“น้องเมย์” กล่าวต่อว่า การเรียนรัฐประศาสนศาสตร์สอนให้เราได้ปรับเปลี่ยนได้โตขึ้นทุกๆ ปี ทุกๆ วัน เราได้รู้จักความคิดในการที่จะพูดออกไป สำหรับพ่อและแม่ สนับสนุนเต็มที่ทั้งเรื่องกีฬา และการที่เขาเป็นห่วงเรื่องเรียน กลัวเราจะเหนื่อย แต่ถ้าอะไรที่หนักเกินไป เราจะรู้ลิมิตตัวเอง สาเหตุที่เลือกเรียนต่อปริญญาโท เป็นช่วงที่เหนื่อยแต่เรายังไหว เพราะเราไม่รู้อนาคตว่าเราจะทำอะไรหลังเลิกเล่น ช่วงนี้ยังสู้ไหว เราจึงสู้เพื่อที่จะสบายในอนาคต บางทีเราก็อิจฉาคนอื่นที่ได้ไปเที่ยว แต่เรามีหน้าที่เป็นประจำ ตื่นมาซ้อม มีเวลาไปเรียน เรียนเสร็จซ้อม แต่เราก็ให้กำลังใจตัวเองว่า ช่วงนี้เป็นวัยทำงานของเราแล้วกัน อนาคตถ้าเราสบายเราค่อยได้เที่ยว ไม่เคยคิดว่าชีวิตวัยรุ่นจะเสียไปเพราะเรื่องกีฬาและเรื่องเรียน ตั้งแต่มัธยมต้นเรียนจบเพื่อนๆ นัดไปกินหมูกะทะกันแต่เราต้องปฏิเสธเพื่อนไปเพราะเราต้องกลับไปซ้อม โชคดีที่เพื่อนเข้าใจเรา

รัชนก กล่าวต่อว่า ต่างประเทศถ้าเป็นนักกีฬาอาชีพเขาปรับแผนเพื่อนักกีฬาอาจจะเรียนครึ่งวัน แต่ระบบการศึกษาของไทยเรียนตั้งแต่เช้าถึงบ่าย อาจจะยังไม่มีระบบเหมือนต่างประเทศ เมย์ทำเต็มที่ คนไทยมีนิสัยรักความสบาย แต่ต่างชาติความคิดเขาโตตั้งแต่เด็ก

Advertisement

“ต้องขอขอบคุณมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีที่สนับสนุนเมย์ตั้งแต่ปริญญาตรีจนจบปริญญาโท และกำลังต่อปริญญาเอก จะพยายามทำให้ดีและพยายามจบปริญญาเอกให้ได้ ถ้าจบตามหลักสูตรตอนนั้นน่าจะอายุ 28 ปี” น้องเมย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรียนรัฐประศาสนศาสตร์มีความคิดจะลงเล่นการเมืองหรือไม่ ? “น้องเมย์” หัวเราะพร้อมกับตอบว่า “อย่าเลย เท่าที่ได้รู้มาการเมืองเป็นเรื่องที่ยาก เราต้องเรียนรู้ถึงข้อกฎหมายเยอะมากมาย ซึ่งต้องใช้หลายความคิดเห็น ไม่ใช่แค่ตัวเราเอง ต้องมองถึงประชาชน ถึงประโยชน์ และอีกหลายๆ อย่าง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image