คอลัมน์เกรียนเขียนบอล : นานแล้วที่ไม่ได้เห็น

คอลัมน์เกรียนเขียนบอล : นานแล้วที่ไม่ได้เห็น

ถึงแม้ว่าฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล จะไม่แกร่งเท่าซีซั่นก่อน แต่ก็ขยับไปเป็นจ่าฝูงแบบเดี่ยวๆ ได้แล้ว หลังจากเปิดบ้านเฉือนสเปอร์ส 2-1 ทำให้ทิ้งห่างไป 3 แต้ม แต่ก็ยังมีทีมรองลงหลายทีมที่แข่งน้อยกว่า 2 นัด คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถ้าแมนฯยูเก็บ 6 แต้มเต็มใน 2 นัด ก็จะขึ้นมาเบียดกับทีมหงส์แดงทันที

นานแล้วที่ไม่ได้เห็นสองทีมนี้ขับเคี่ยวกันในหัวตาราง เพราะในวันที่แมนฯยูเก่ง ลิเวอร์พูลยังวนเวียนอยู่ในการควานหาท็อปโฟร์ และกลับกัน เมื่อหงส์แดงตะลุยไปสู่การเป็นแชมป์ แต่ทีมปีศาจแดงดิ้นรนเพื่อโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกเท่านั้น

ถ้าให้ย้อนกลับไปถึงวันที่สองทีมสู้เพื่อแชมป์ลีกกันแบบใกล้เคียงที่สุด คือ ซีซั่น 2008-2009 วันนั้นแมนฯยูมี เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีม ส่วนลิเวอร์พูลมี ราฟา เบนิเตซ กุมบังเหียน ฤดูกาลนั้น ปิดฉากด้วยแชมป์ของแมนฯยูที่เฉือนลิเวอร์พูลไป 4 แต้ม หลังจากนั้น 11 ฤดูกาล ไม่ได้เห็นการบี้กันในตารางลีกของสองทีมนี้อีกเลย เพราะเชลซีและแมนฯซิตี้กลายเป็นทีมที่มาแย่งแชมป์แบบเต็มตัว

ก่อนฤดูกาลใหม่จะเริ่ม ลิเวอร์พูลเป็นทีมเต็งแชมป์ เพราะฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งมากใน 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ส่วนแมนฯยูถูกวางตำแหน่งไว้ที่การจบท็อปโฟร์เท่านั้น เพราะคาดกันว่าเชลซีที่เสริมทีมอย่างอลังการ และความผิดพลาดของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในซีซั่นก่อนที่โดนหงส์แดงทิ้งขาด น่าจะทำให้ทีมเรือใบสีฟ้าเขี้ยวขึ้น และต่อกรยากขึ้นในฤดูกาลนี้

Advertisement

จนถึงตอนนี้ผ่านเข้ามา 1 ใน 3 ของฤดูกาลแล้ว ไม่มีทีมไหนรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ได้เลย และไม่มีทีมไหนที่รักษาฟอร์มได้สม่ำเสมอนัก ลิเวอร์พูลอาจจะเป็นทีมที่ทำได้ดีที่สุด เพราะแพ้ไปแค่นัดเดียว แต่ก็หลุดเสมอไปถึง 4 นัด ยิ่งถ้าเทียบกับฤดูกาลก่อน ถือว่าผลงานของทีมหงส์แดงดร็อปลงไปอย่างชัดเจน

แมนฯยูยังมีเกมในมืออีก 2 นัด ถ้าชนะได้ทั้งหมด ก็จะไล่ตามลิเวอร์พูล 2 แต้ม แต่ก็ยังมีอีก 4 เกมถึงจะไปเจอกันในเกมแดงเดือดที่แอนฟิลด์ ในวันที่ 17 มกราคม ปีหน้า หรืออีกเกือบๆ เดือน หวังว่าแต้มจะยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกันแบบนี้ไปจนถึงวันนั้น เพื่อให้เป็นแดงเดือดที่แย่งหัวตารางกันสนุกครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี เพราะช่วงนั้นไม่ต้องไปกังวลแมตช์ยุโรป เนื่องจากยังเบรกกันอยู่

อาจจะยังพูดได้เต็มปากว่าพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้จะเป็นการแย่งแชมป์ในรูปแบบแดงเดือด เพราะแมนฯยูก็ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ อาจจะทำแต้มหลุดมือแบบไม่น่าเชื่อได้อีก ส่วนทางหงส์แดงมีความสม่ำเสมอที่ดีอยู่แล้ว ยิ่งไม่มีแชมเปี้ยนส์ลีกเตะ 2 เดือน ยิ่งทำให้พวกเขาใส่เต็มในลีก ขึ้นอยู่กับว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ จะรับมือกับนักเตะพาเหรดเจ็บได้ดีแค่ไหน

Advertisement

ฤดูกาลนี้จะจบลงแบบไหนเป็นเรื่องของอนาคต แต่การได้เห็นสองทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นไฮไลต์ที่น่าติดตามมากจริงๆ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image