ในวันที่ ‘หงส์แดง’ สะดุด!  ‘ผี-ไก่-เรือ’ พร้อมท้าชิงบัลลังก์

ในวันที่ ‘หงส์แดง’ สะดุด!  ‘ผี-ไก่-เรือ’ พร้อมท้าชิงบัลลังก์

จากความปราชัยของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่บุกไปพ่าย “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน 0-1 ส่งผลให้การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไล่บี้กันอย่างสนุก

ทีมอย่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้, “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ และ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก้าวขึ้นมาเบียดแย่งแชมป์อย่างเต็มตัว

คงไม่มีใครคิดว่าลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะไม่ชนะใคร 3 นัดติด จากการเจอทีมอย่าง เวสต์บรอมวิช, นิวคาสเซิล, เซาแธมป์ตัน เก็บได้เพียง 2 คะแนนแถมยิงได้แค่ลูกเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้าดูจากโปรแกรมแล้วลิเวอร์พูลไม่ได้เจองานยากสักเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้หงส์แดงพึ่งบุกไปยำใส่ คริสตัล พาเลซ 7-0

Advertisement

รูปเกมที่หงส์แดงบุกไปพ่ายนักบุญ ต้องยอมรับว่า เซาแธมป์ตัน มีการเตรียมตัวมาอย่างดี ไล่เพรสซิ่งเร็วทำลายจังหวะการเล่นของนักเตะลิเวอร์พูลจนเซตเกมของตัวเองไม่ถนัด แถมเกมรับนักบุญก็ทำได้ดี มีการตั้งโซนรับอย่างเหนียวแน่น

3 ประสานแดนหน้าอย่าง ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ต่างนัดกันฟอร์มตก โดยเฉพาะ ฟิร์มิโน่ แทบหายไปจากเกมครึ่งแรก ส่วนรูปแบบการเข้าทำของลิเวอร์พูลในเกมนี้จะเน้นไปที่ลูกครอสเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีการชิง 1-2 ในเขตโทษ รวมถึงลูกยิงไกลอย่างที่เราเคยเห็นกันบ่อยๆ

Advertisement

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โชว์ฟอร์มอย่างย่ำแย่ มีส่วนให้ทีมเสียประตูตั้งแต่ต้นเกม จากจังหวะที่เจ้าตัวสกัดบอลพลาดไปเข้าทาง แดนนี่ อิงส์ กองหน้าเซาแธมป์ตัน ก่อนที่เจ้าตัวจะซัดประตูดับซ่าทีมเก่า

อีกสาเหตุหนึ่งคือ วีเออาร์ ไม่เคยเข้าข้าง จากจังหวะที่ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กองกลางลิเวอร์พูล ได้ซัดประตูเน้นๆ ในกรอบเขตโทษ แต่ดันไปติดแขนของ แจ็ค สตีเฟ่นส์ ปราการหลังของทีมนักบุญ ซึ่งผู้ตัดสินได้เช็กวีเออาร์จากจังหวะนี้ แต่สุดท้ายไม่ให้จุดโทษกับลิเวอร์พูล ท้ายเกมคล็อปป์ ถึงกับออกมาแซะปีศาจแดงชนิดตลกร้ายว่า

“แมนฯยูได้จุดโทษเยอะมากในช่วง 2 ปี มากกว่าที่ผมอยู่ที่นี่มา 5 ปีครึ่งเสียอีก ผมไม่รู้ว่านั่นเป็นความผิดของผมหรือเปล่า”

การปราชัยดังกล่าวทำให้สถานการณ์ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้สนุกสูสีขึ้นมาทันควัน จากตารางคะแนนล่าสุดลิเวอร์พูลมี 33 คะแนนเท่ากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่แข่งน้อยกว่า 1 นัด ขณะที่อันดับ 3 เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ไล่ตามมาติดๆ อยู่ที่ 32 คะแนน ส่วนอันดับ 4-7 (สเปอร์ส-แมนฯ ซิตี้-เซาธ์ฯ-เอฟเวอร์ตัน) ต่างมี 29 แต้มเท่ากัน ตามหลังจ่าฝูงอยู่แค่ 4 แต้มเท่านั้น

แมนฯยู คู่ปรับตลอดกาล ฟอร์มช่วงหลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม 5 นัดหลังสุดชนะ 4 เสมอ 1 เก็บได้ 13 คะแนน จาก 15 คะแนนเต็ม ทำคะแนนเทียบเท่า ลิเวอร์พูลอยู่ที่ 33 คะแนนแต่เตะน้อยกว่า 1 นัด

โปรแกรมนัดต่อไป แมนฯ ยู จะบุกไปเยือนเบิร์นลีย์ เกมนี้ถ้าปีศาจแดง สามารถบุกไปคว้าแต้มที่สนามเทิร์ฟ มัวร์ได้ จะแซงลิเวอร์พูลขึ้นจ่าฝูงทันที แต่อย่างไรก็ตามหงส์แดง ยังมีโอกาสพลิกกลับมาได้ เพราะโปรแกรมบิ๊กแมตช์นัดต่อไปคือ “ศึกแดงเดือด” ที่ปีศาจแดง จะบุกไปเยือนถิ่นแอนฟิลด์ วันที่ 17 มกราคม
ฝั่งท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ถือเป็นอีกทีมที่น่ากลัวที่สุดในเวลานี้ภายใต้การนำของ “เดอะ สเปเชียลวัน” โชเซ่ มูรินโญ่ พร้อมด้วยคู่หูสุดร้อนแรงอย่าง แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึงมิน ที่สร้างประวัติศาสตร์ช่วยกันยิงช่วยกันจ่ายเป็นสถิติที่ 13 ประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ กลายเป็นอีกหนึ่งทีมที่สามารถลุ้นแชมป์ได้

เช่นเดียวกับแมนฯซิตี้ หนึ่งในคู่แข่งระดับพระกาฬที่จะแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ แม้ก่อนหน้านี้จะมีนักเตะภายในทีมติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ไปถึง 18 คน และผู้เล่นตัวหลักที่ได้รับอาการบาดเจ็บอย่าง อายเมอริก ลาปอร์ , นาธาน อาเก้ แต่ดูเหมือนว่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ หลังล่าสุดบุกไปเอาชนะเชลซี ถึงสแตมฟอร์ด บริดจ์ 3-1 ด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม แถมแข่งน้อยกว่าลิเวอร์พูลจ่าฝูงอยู่ถึง 2 นัด

ขณะที่ทีมอย่างเลสเตอร์ ซิตี้, เซาแธมป์ตัน และเอฟเวอร์ตัน ที่มีคะแนนไม่ได้ห่างจากจ่าฝูงมากนัก “จิ้งจอกสยาม” เคยทำให้โลกได้เห็นมาแล้วว่าทีมเล็กๆ อย่างพวกเขาก็สามารถขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกได้

หลังจากนี้ต้องจับตามองกันนัดต่อนัด ดูกันยาวๆ ทีมใดยืนระยะได้ดีกว่าว่าทีมไหนจะเข้าป้ายได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีก 2020/21

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image