มาตรการหลังม่านความปลอดภัย ของแอลพีจีเอทัวร์ในยุคโควิดระบาด

มาตรการหลังม่านความปลอดภัย ของแอลพีจีเอทัวร์ในยุคโควิดระบาด

ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก แต่การแข่งขันกอล์ฟอาชีพสตรี แอลพีจีเอทัวร์ ยังสามารถแข่งขันได้โดยที่ไม่มีนักกอล์ฟ แคดดี้ ทีมงานและเจ้าหน้าที่ติดเชื้อแม้แต่คนเดียว ส่วนคนที่ติดเชื้อส่วนใหญ่จะมาจากการใช้ชีวิตประจำวันนอกสนามเท่านั้น

จากความปลอดภัยนี้ทำให้เป็นที่สนใจว่าแอลพีจีเอทัวร์ ทำอย่างไรถึงทำให้การแข่งขันยังปลอดภัยได้

อย่างแรกเลย คือ กอล์ฟเป็นกีฬาที่สามารถเว้นระยะห่างได้เป็นปกติอยู่แล้ว นักกอล์ฟ แคดดี้ ไม่จำเป็นต้องถูกเนื้อต้องตัวกัน ส่วนแฟนกอล์ฟที่เคยเข้ามาในสนามได้ ก็ถูกงดไปก่อน ประกอบกับสนามกอล์ฟที่กว้างใหญ่มาก ทำให้มีพื้นที่เหลือเฟือในการเว้นระยะห่างทางสังคม

Advertisement

สายสัมพันธ์อันดีก็เป็นเรื่องสำคัญ สเตซี่ย์ คอลลินส์ รองประธานอาวุโสของแอลพีจีเอทัวร์ เคยทำงานในธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์มากว่า 30 ปี ทำให้สนิทสนมกับ ชอน เมอร์เรย์ หัวหน้าแผนกของบริษัทยูโรฟินส์ กลุ่มห้องปฏิบัติการระหว่างประเทศที่มีสำนักงานใหญ่ในลักเซมเบิร์กให้บริการทดสอบและสนับสนุนสำหรับอุตสาหกรรมยา อาหาร สิ่งแวดล้อม การเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค ทำให้สามารถนำเทคโนโลยีและแนวทางต่างๆ ของยูโรฟินส์มาใช้ในการสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับ แอลพีจีเอทัวร์ได้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการตรวจหาไวรัสโควิด-19 ที่ยูโรฟินส์เข้ามาพัฒนาตั้งแต่ช่วงต้นการแพร่ระบาดแล้ว

มาว่ากันถึงมาตรการอื่นๆ ที่แอลพีจีเอทัวร์ ทำอย่างเข้มงวดกันบ้าง การตรวจหาไวรัสโควิด-19 คือเรื่องหลักในช่วงเวลาแบบนี้ แอลพีจีเอทัวร์ ให้ผู้เกี่ยวข้องกับการแข่งขันทุกคนตรวจหาโควิด-19 ด้วยอุปกรณ์จากยูโรฟินส์ แบบการตรวจหาเชื้อด้วยตัวเอง หลังจากนั้นจะต้องส่งสารคัดหลั่งที่ตรวจให้กับศูนย์ตรวจของยูโรฟินส์ในพื้นที่ใกล้เคียงกับบ้านของทุกคน และจะได้ทราบผลการตรวจภายหลังจากนั้น 24 ชั่วโมง ใครที่ติดเชื้อก็ไม่สามารถร่วมแข่งขันได้

Advertisement

ส่วนคนที่ผ่านการตรวจเชื้อด้วยตัวเองและไม่ติดเชื้อแล้ว เมื่อมาถึงสนามแข่งขัน จุดแรกที่ต้องไป คือ จุดตรวจเชื้อโควิด-19 ที่มีเจ้าหน้าที่จากยูโรฟินส์คอยดูแลอยู่ เริ่มจากการตรวจวัดอุณหภูมิ ต่อด้วยการตรวจสารคัดหลั่ง โดยเช็กความเรียบร้อยของตัวอย่าง 3 ครั้ง ก่อนผนึกส่งห้องแล็บ หลังจากนั้นผู้รับการตรวจจะได้รับการติดริสต์แบนด์ที่ข้อมือที่มีข้อความชัดเจนว่า “รอผลการตรวจ” 

นักกอล์ฟและแคดดี้ที่ได้ริสต์แบนด์นี้สามารถเข้าไปในบริเวณสนามได้ แต่ต้องไม่เกินจากจุดที่กำหนดไว้ และต้องรอให้ผลการตรวจออกมาว่าปลอดเชื้อเท่านั้นถึงจะเข้าไปในบริเวณอื่นๆ ได้ ซึ่งผลการตรวจจะออกมาหลังจากนั้น 12 ชั่วโมง หรือในช่วงเช้าของอีกวัน 

แอลพีจีเอทัวร์ ไม่ได้มีความเข้มงวดในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เท่านั้น แต่ยังมีแนวทางในการรับมือกับผู้ที่ติดเชื้อด้วย เพราะถือเป็นเรื่องที่ต้องรักษาและกักตัวผู้ที่ติดเชื้อโดยเร่งด่วน ซึ่งจะมีทีมงานที่คอยบริการในเรื่องนี้โดยเฉพาะเมื่อเจอผู้ติดเชื้อ จะมีการติดต่อกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ มีการจัดหาอุปกรณ์และดูแลปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ให้ด้วย

คอลลินส์กล่าวว่า ถ้ากอล์ฟไม่สามารถแข่งขันได้ ทั้งนักกอล์ฟ แคดดี้ และทีมงาน แอลพีจีเอทัวร์ ก็จะไม่มีงานทำในการเลี้ยงดูชีวิตของตัวเอง มันทำให้เห็นว่ากีฬามีส่วนสำคัญกับชีวิตพวกเขาทุกคน

เมื่อเห็นแบบนี้ทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงโปรสาวไทยที่ร่วมแข่งขันอยู่ในแอลพีจีเอทัวร์ ไม่ว่าเป็น “โปรแหวน” พรอนงค์ เพชรล้ำ, “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล, “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล, “โปรเมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ, “โปรแจน” วิชาณี มีชัย, “โปรจัสมิน” จัสมิน สุวัณณะปุระ, “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ และหน้าใหม่อีกหลายคนที่กำลังจะแข่งขันในอนาคต

สำหรับฤดูกาลใหม่ของแอลพีจีเอทัวร์ กำลังจะเริ่มแข่งขันกันในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม การมีมาตรการที่เข้มงวดขนาดนี้ จะทำให้การทัวร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของวงการกอล์ฟหญิงไม่สะดุดนานเหมือนปีที่แล้วแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image