ดุเดือด! ปธ.ยกเหล็กเมืองเบียร์ท้าชนแย่งเก้าอี้รองปธ.สหพันธ์กับ ‘เสธ.ยอด’

ดุเดือด! ปธ.ยกเหล็กเมืองเบียร์ท้าชนแย่งเก้าอี้รองปธ.สหพันธ์กับ ‘เสธ.ยอด’

ฟลอเรียน สเปิร์ล ประธานสหพันธ์ยกน้ำหนักเยอรมนีคนใหม่วัย 33 ปี ประกาศแย่งตำแหน่งรองประธานสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ(ไอดับเบิลยูเอฟ) ลำดับที่ 1 กับ “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนี้อยู่ แต่กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานและคณะกรรมการบริหารไอดับเบิลยูเอฟวาระใหม่ ในเดือนมีนาคมนี้

สเปิร์ลเพิ่งได้รับเลือกให้เป็นประธานสหพันธ์ยกเหล็กเมืองเบียร์ เมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว ให้สัมภาษณ์ถึง พล.ต.อินทรัตน์ กับ insidethegames.biz ว่า การที่ พล.ต.อินทรัตน์ประกาศว่าจะอุทิศตัวทำงานให้กับสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ และอยากจะทำงานต่อไปเพื่อครอบครัวยกน้ำหนักนั้น เป็นการส่งสัญญาณที่ผิดมากๆ เพราะสมาคมกีฬายกน้ำหนักแห่งประเทศไทยฯ ในช่วงที่พล.ต.อินทรัตน์เป็นนายกสมาคมและเป็นทีมงานบริหารนั้น มีการถูกตรวจพบการใช้สารต้องห่ามในนักกีฬาทีมชาติไทยมากมาย ปี 2011 ถูกตรวจพบ 7 คน ปี 2018 ก็พบอีก 11 คน ที่สำคัญสถานีโทรทัศน์ในเยอรมนีเคยไปสัมภาษณ์ศิริภุช กุลน้อย อดีตจอมพลังทีมชาติไทย และมีการยอมรับว่า ในแคมป์ทีมชาติไทยมีการใช้สารต้องห้ามในนักกีฬาตั้งแต่อายุ 13 ปี รวมทั้งมีการรายงานว่าในการบริหารงานตลอดมามีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นด้วย แต่พล.ต.อินทรัตน์ปฏิเสธเรื่องราวทั้งหมด และได้ฟ้องร้องผ่านศาลกีฬาโลก โดยได้มีการสอบสวนไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีคำตัดสินภายในเดือนมกราคมนี้

สำหรับตำแหน่งประธานไอดับเบิลยูเอฟมีการเปลี่ยนมือไปแล้ว 4 คน หลังจากทามาส อาจัน ประธานชาวฮังการีขอลาออกจากตำแหน่งที่มีบทบาทมาอย่างยาวนาน พล.ต.อินทรัตน์ได้มารับตำแหน่งรักษาการประธาน 1 วัน และส่งต่อให้อูร์ซูล่า ปาปันเดรีย ชาวอเมริกันรับตำแหน่งต่อ ก่อนที่รักษาการประธานคนปัจจุบันจะเป็น ดร.ไมเคิล อิรานี่ ชาวสหราชอาณาจักร

สเปิร์ลกล่าวกับ insidethegames.biz ว่า ตั้งแต่ที่ได้มีจดหมายเปิดผนึกว่าจะลงชิงตำแหน่งนี้ ก็ได้หารือกับรักษาการประธานสหพันธ์ฯ และตัวแทนจากประเทศอื่นๆ แล้ว ได้รับทราบมาว่าหลายคนไม่สบายใจกับสถานการณ์ของวงการยกน้ำหนักโลก โดยเฉพาะการที่จำนวนโควต้านักกีฬายกน้ำหนักในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส จะถูกลดลงจากโอลิมปิกเกมส์ 2020 ลงไปอีก จากที่ปี 2016 เคยได้โควต้า 260 คน ลดลงเหลือ 196 คน ในโอลิมปิกครั้งที่กำลังจะแข่งขัน และเหลือ 120 คน ในอีก 3 ปีข้างหน้า ดังนั้นจึงต้องร่วมมือกันสู้เพื่อกีฬายกน้ำหนัก เพื่อให้กีฬาชนิดนี้ยังอยู่ในโอลิมปิกเกมส์ต่อไป ถ้าคนอย่าง พล.ต.อินทรัตน์ถุกเลือกกลับมาอีกครั้ง ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ผิดพลาดกับการเรียกความน่าเชื่อของวงการยกน้ำหนักกลับมา

Advertisement

“เราไม่ควรยอมให้คนที่บริหารวงการยกน้ำหนักในประเทศตัวเองแล้วโดนแบนจากการโด๊ปแบบนี้เข้ามาทำลายวงการกีฬาของเราอีกต่อไป ผมจะไม่ขอสนับสนุนพล.ต.อินทรัตน์อีกต่อไป ถ้าเราไม่เริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ ยกน้ำหนักอาจจะไม่ได้อยู่ในโอลิมปิกต่อไป การที่โควต้านักยกน้ำหนักลดลงเหลือ 120 คน ในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ถือเป็นสัญญาณเตือนครั้งสุดท้าย ซึ่งมันจะทำให้นักกีฬาของเราเจ็บปวด ผมขอยืนอยู่ข้างความใสสะอาด ไม่มีการใช้สารต้องห้าม ถ้าผมได้รับเลือก ก็จะโฟกัสไปที่นักกีฬา การเห็นแก่ประโยชน์ตัวเองจะไม่มีในการบริหาร” ผู้ท้าชิงตำแหน่งรองประธานคนที่ 1 กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image