‘โควิด’ และ ‘เบร็กซิท’ ทำให้ตลาดนักเตะพรีเมียร์ลีกเงียบงัน

‘โควิด’ และ ‘เบร็กซิท’ กับตลาดนักเตะพรีเมียร์ลีกที่เงียบงัน

ตลาดซื้อขายนักเตะพรีเมียร์ลีก ในตลาดรอบหน้าหนาวที่ใกล้จะปิดตัวลงในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีการย้ายทีมแบบซื้อขาดเพียง 5 คนเท่านั้น นอกจากนั้นเป็นการย้ายแบบยืมตัวทั้งหมด สาเหตุหลักมาจากสโมสรต่างๆ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นักเตะ 5 คนที่ย้ายแบบถาวร ได้แก่ อาหมัด ดิยัลโล่ ย้ายจากอตาลันต้าไปแมนเชสเตอร์ ยูไนต็ด, มอร์ก็อง ซองซง จากมาร์เซยไปแอสตัน วิลล่า, ฟิลิป สเตฟาโนวิช จากปาร์ติซาน เบลเกรดไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้, โรเบิร์ต สนอดกราสส์ ย้ายจากเวสต์แฮมไปเวสต์บรอมวิช และ เฟรเดริก อัลเวส จากซิลเคบอร์ก ไปเวสต์แฮม

ในสถานการณ์ปกติ การซื้อนักเตะในช่วงหน้าหนาวก็เป็นงานยากอยู่แล้ว เพราะไม่ค่อยมีสโมสรไหนอยากจะขายแข้งคนสำคัญออกจากทีมในช่วงนี้ เนื่องจากไม่รู้ว่าจะหาตัวแทนมาได้ทันเวลาเหรือไม่ ยิ่งการที่แฟนบอลเข้าสนามไม่ได้ รายได้หายมหาศาล แล้วไม่รู้ว่าสถานการณ์ใน 3 เดือน 6 เดือนข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ทำให้ตลาดรอบนี้เน้นไปที่การยืมตัวมากกว่าซื้อขาด

Advertisement

นอกจากนั้นจากการที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ หรือ “เบร็กซิท” มีผลเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้กฎการซื้อนักเตะเปลี่ยนไปพอสมควร ทีมจากอังกฤษไม่สามารถซื้อนักเตะอายุต่ำกว่า 18 ปีจากประเทศอื่นๆ ได้ และนักเตะเกิน 18 ปี แต่ไม่เกิน 21 ปี สามารถซื้อได้เพียง 3 เท่านั้น

Photo : Visionhaus

พอล สเตรทฟอร์ด เอเย่นต์ฟุตบอล แสดงความคิดเห็นว่า โควิด-19 มีผลกับตลาดนักเคะมากกว่าเรื่องเบร็กซิท เพราะกฎการซื้อนักเตะเยาวชนแบบใหม่ไม่ได้มีผลโดยตรงต่อทีมชุดใหญ่ แต่ไปกระทบกับการซื้อนักเตะมาเสริมอคาเดมีเพื่ออนาคตมากกว่า

เลส เฟอร์ดินานด์ ผู้อำนวยการสโมสรควีนส์ปาร์ก เรนเจอร์ส กล่าวว่า โควิด-19 ทำให้มีข้อจำกัดในการเดินทางอย่างมาก แมวมอง เอเย่นต์และคนในวงการฟุตบอลไม่สามารถเดินทางไปชมเกมต่างๆ ได้ เพราะระเบียบของการรักษาระยะห่างทางสังคม

อีกเรื่องหนึ่งหลังจากที่เบร็กซิทสมบูรณ์แบบทำให้มีกฎในการซื้อนักเตะใหม่ โดยนักเตะนอกอังกฤษจะมีระเบียบการให้คะแนน ถ้ามีคะแนนรวมไม่ต่ำกว่า 15 คะแนน จะถือว่าผ่านเกณฑ์ และย้ายทีมได้แบบไม่วุ่นวายนัก แต่ถ้า 10-14 คะแนนจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

จอห์น พรินท์ ผู้อำนวยการจัดการบริษัทสปรินท์ เอ็มจี บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจกีฬา กล่าวว่า เมื่อมีกฎเหล่านี้ออกมา ทำให้จำนวนนักเตะที่จะย้ายมาเล่นในอังกฤษลดลงไปอย่างมาก นักเตะก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร สิ่งที่ควรทำ คือ ต้องบอกนักเตะที่ฝันอยากจะไปเล่นในอังกฤษว่า มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีอีกต่อไปแล้ว

ทั้งกฎและสถานการณ์ในตอนนี้ยิ่งทำให้นักเตะสัญชาติอังกฤษกลายเป็นเหมือนทองคำมากขึ้นไปอีก จากที่เคยค่าตัวแพงเพราะสัญชาติมาก่อนหน้านี้ ก็จะยิ่งแพงไปกว่าเดิม เพราะการซื้อนักเตะนอกประเทศยากขึ้น

สเตรทฟอร์ดบอกว่า ไม่เชื่อว่าทีมในอังกฤษจะใช้นักเตะอังกฤษเป็นแกนหลักมากขึ้น เพราะถ้าอยากจะชนะทีมจากประเทศอื่นๆ ในเวทียุโรปหรือเวทีโลก ก็ต้องใช้นักเตะที่ดีที่สุดจากข้างนอกมาอยู่ในทีมด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านักเตะอังกฤษจะเป็นสินค้าที่ “พรีเมียม” ขึ้นไปกว่าเดิมมาก

ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่กับทีมในอังกฤษ หรือนักเตะที่มีฝันจะไปเล่นในอังกฤษเท่านั้น เพราะสโมสรในหลายประเทศที่ปั้นนักเตะขายเพื่อหารายได้เข้าสโมสรมาอย่างมหาศาลในอดีต ทั้งจากเนเธอร์แลนด์, เบลเยียม, โปรตุเกส ก็จะขายนักเตะให้สโมสรใหญ่ๆ ในอังกฤษยากขึ้น

ฟุตบอลจะยังสนุกเหมือนเดิม แต่การทำงานเบื้องหลังคงยากขึ้นมากอีกหลายเท่า นับเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยและหนักของสโมสรฟุตบอลในอังกฤษ และเหล่าเอเย่นต์ที่หาเงินจากการซื้อขายนักเตะ แต่ความพิเศษของมนุษย์ คือ การปรับตัวให้อยู่รอดในการเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image