‘เชียงราย’ แม่นจุดโทษดับซ่า ‘ชลบุรี’ ผงาดคว้าแชมป์เอฟเอคัพ
ฟุตบอล “ช้าง เอฟเอ คัพ 2020” นัดชิงชนะเลิศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน ระหว่าง “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี อดีตแชมป์ 2 สมัย ลงสนามพบกับ “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์รายการนี้ 2 สมัยเช่นเดียวกัน ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต โดยเกมนี้จะเป็นการแข่งขันแบบปิดไม่มีแฟนบอลเข้าชมเกมในสนาม ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
“โค้ชเตี้ย”สะสม พบประเสริฐ ผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีหลังสร้างเซอร์ไพรส์เขี่ย “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดในรอบรองชนะเลิศ จัดผู้เล่นแกนหลักลงสนามครบครันไม่ว่าจะเป็น กฤษดา กาแมน, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, สหรัฐ สนฐิสวัสดิ์, ฉัตรมงคล เรืองธณโรจน์, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว และเอลิอันโดร กอนซาก้า
ด้าน “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ของกุนซือชาวบราซิลอย่าง เอเมอร์สัน ปาไรร่า ผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศรายการนี้เป็นหนที่ 3 ในรอบ 4 ปีหลังสุดจัดผู้เล่นตัวหลักล่าแชมป์อย่าง วสันต์ ฮมแสน, ธนะศักดิ์ ศรีใส, บรินเนอร์ เอ็นริเก้, โช จี ฮุน, พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, ศิวกรณ์ เตียตระกูล, บิลล์ โรซิมาร์
ปรากฏว่า ครึ่งแรก “ฉลามชล” ครองบอลบุกได้น้ำได้เนื้อมากกว่า ก่อนจะมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการสอดขึ้นมายิงของ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ นาทีที่ 30 แต่ “กว่างโซ้งมหาภัย” ตามตีเสมอ 1-1 จากการยิงเสียบมุมของ ศิวกรณ์ เตียตระกูล นาทีที่ 40 จบครึ่งแรก เสมอกัน 1-1 ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมพยายามเร่งเกมยิงประตูกันไม่ได้ จบ 90 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาที แต่ยังเสมอกันอยู่ 1-1 ต้องชี้ขาดหาแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ และเป็นเชียงรายชนะไป 4-3 สกอร์รวม 5-4 ทำให้เชียงรายคว้าแชมป์พร้อมรับเงินรางวัล 5 ล้านบาท และยังได้รับสิทธิ์ไปลงแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ในปี 2022
