ศบค.ชุดเล็กไฟเขียวไทยจัดเอซีแอล – เผยไม่ต้องกักตัวแต่ตรวจเชื้อถี่ยิบ

ศบค.ชุดเล็กไฟเขียวไทยจัดเอซีแอล – เผยไม่ต้องกักตัวแต่ตรวจเชื้อถี่ยิบ

 

 

VIDEO CONTENT AVERTISEMENT

ความคืบหน้าล่าสุดหลังจากที่ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ได้มอบหมายให้ 3 สโมสรตัวแทนจากประเทศไทย ทั้ง “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี และ “ราชันมังกร” ราชบุรี มิตรผล เอฟซี จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021 รอบแบ่งกลุ่ม ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนั้น

นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานบริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด เปิดเผยว่า ได้มีการเข้าไปหารือกับศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) หรือศบค.ชุดเล็ก ซึ่งได้อนุมัติหลักการในการจัดการแข่งขันเป็นที่เรียบร้อย โดยหลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อทำงานร่วมกับไทยลีกและ 3 สโมสรเจ้าภาพ ในการลงรายละเอียดของการจัดการแข่งขันต่างๆ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 บับเบิลด้วยกัน

ADVERTISMENT

นายกรวีร์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการชุดนี้ ก็จะมีข้อแนะนำ และข้อปฏิบัติต่างๆ ที่ทั้ง 3 สโมสรจะต้องดำเนินการให้ได้ ถ้าหากว่ามีข้อใดที่ติดขัด หรือไม่สามารถหาทางออกหรือทำตามได้ ก็อาจจะมีผลให้บับเบิลของกลุ่มนั้นๆ ไม่ได้รับอนุญาตในการจัดการแข่งขัน อย่างไรก็ตามถ้าหากสโมสรสามารถดำเนินการได้ตามมาตรการต่างๆ และผ่านคณะกรรมการชุดนี้รวมถึงศบค.ชุดเล็กแล้ว ไม่น่ามีปัญหาเมื่อเสนอเข้าไปยังศบค.ชุดใหญ่เช่นกัน

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ในส่วนของการกักตัวหลังจากการเดินทาง รวมถึงมาตรการตรวจหาเชื้อระหว่างแข่งขันจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น รักษาการประธานไทยลีก กล่าวว่า นักกีฬาทุกคนก่อนเดินทางเข้าประเทศจะต้องตรวจโควิด-19 มาก่อนแล้ว เมื่อมาถึงก็จะมีการจับตรวจหาเชื้ออีกครั้งหนึ่ง ถ้าผลเป็นลบก็จะสามารถลงซ้อมได้ทันที โดยจะเดินทางเข้ามาก่อนการแข่งขันนัดแรกราว 4 วัน จากนั้นเมื่อเข้าสู่บับเบิลแล้ว ก็จะมีการตรวจทุกๆ 1 วันก่อนการแข่งขัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีนักกีฬาที่มีเชื้อโควิด-19 ลงสนามไปเด็ดขาด

ADVERTISMENT

“ขณะที่เรื่องของแฟนบอลนั้น อาจจะต้องดูสถานการณ์ภายในประเทศเมื่อถึงเวลาแข่งขันอีกครั้งหนึ่ง ถ้าหากสถานการณ์ดีขึ้น ก็อาจจะมีการปลดล็อคให้แฟนบอลเข้าไปชมในสนามได้ตามจำนวนที่กำหนด แต่ถ้าหากเป็นเหมือนตอนนี้คิดว่าคงไม่สามารถเปิดให้แฟนบอลเข้าได้แน่นอน” บิ๊กแชมป์กล่าว

นายกรวีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ทางสโมสรเองได้ยืนยันแผนคร่าวๆ ทั้งสนามแข่งขัน, สนามซ้อม รวมถึงที่พักมาทั้งหมดแล้ว โดยในส่วนของกลุ่มเอฟ บีจี ปทุม จะใช้ลีโอ สเตเดียม เป็นสนามหลัก ส่วนกลุ่มจี ราชบุรี มิตรผล จะใช้ราชมังคลากีฬาสถาน เป็นสนามหลัก โดยที่ทั้งสองกลุ่มจะใช้สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต) เป็นสนามรองร่วมกัน เนื่องจากโปรแกรมการแข่งขันไม่ตรงกัน ส่วนกลุ่มเจ การท่าเรือ จะใช้ช้าง อารีนา เป็นสนามหลัก โดยมีสนามเขากระโดง เป็นสนามรอง ซึ่งทางบุรีรัมย์นั้นได้ทำการปรับปรุงสนามเขากระโดงจนผ่านเกณฑ์ของเอเอฟซี ในการจัดการแข่งขันได้แล้ว

ทั้งนี้ กลุ่มเอฟ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อยู่ร่วมกับ อุลซาน ฮุนได (เกาหลีใต้) เวียตเทล (เวียดนาม) และ เซี่ยงไฮ้ พอร์ต เอฟซี (จีน) หรือ บริสเบน รอร์ (ออสเตรเลีย) หรือ คาย่า (ฟิลิปปินส์) / กลุ่มเจ การท่าเรือ อยู่ร่วมกับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ (จีน), คิตฉี (ฮ่องกง) และเซเรโซ โอซาก้า (ญี่ปุ่น) หรือ เมลเบิร์น ซิตี้ (ออสเตรเลีย) / กลุ่มจี ราชบุรี มิตรผล อยู่ร่วมกับ โปฮัง สตีลเลอร์ (เกาหลีใต้) นาโกย่า แกรมปัส เอท (ญี่ปุ่น) และยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม (มาเลเซีย)

ส่วน “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด จะต้องลงเล่นในรอบคัดเลือก กับ แดกู เอฟซี จากเกาหลีใต้ ที่ประเทศคาซักสถานต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image