10 วันหลายอารมณ์ กับการเดินหน้า ‘เทพนิยายเดนส์’ ภาค 2
เดนมาร์กเจอเรื่องราวมากมายตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาในศึกยูโร 2020 ทั้งเรื่องช็อก เรื่องสุข ที่หลายคนอยากจะให้ต่อยอดไปถึงการเขียนเทพนิยายเดนส์ ภาค 2 ให้จบบริบูรณ์
ทีมโคนมผ่านเข้ารอบ 16 ทีม ในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่มบี หลังจากถล่มรัสเซีย 4-1 ในปาร์เกน สเตเดียม กรุงโคเปนเฮเกน ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้แพ้ไปแล้ว 2 นัด แต่กลับสร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์ผ่านเข้ารอบไปได้ ถือเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่แพ้ 2 นัด แล้วไม่ต้องรอลุ้นเข้ารอบด้วยการเป็น 1 ใน 4 อันดับ 3 ที่ดีที่สุด
10 วันที่ผ่านมา อารมณ์ของชาวเดนส์ดูเหมือนจะถูกเหตุการณ์ต่างๆ เล่นงานจนตั้งตัวไม่ติด
12 มิถุนายน นัดแรกของเดนมาร์กต้องเจอกับฟินแลนด์ ทีมที่ไม่เคยได้เล่นในทัวร์นาเมนต์เมเจอร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว การได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลในบ้าน โอกาสที่ทีมโคนมจะเก็บ 3 แต้มแรกทีสูงมาก เพราะดูดีกว่าในทุกด้าน
นาทีที่ 42 ของเกม คริสเตียน อีริกเซ่น เพลย์เมกเกอร์คนสำคัญล้มลงไปกองกับพื้น หลังจากนั้นพบว่าเขามีอาการหัวใจวายเฉียบพลัน แพทย์ต้องช่วยกันดึงชึวิตเขากลับมาต่อหน้าแฟนบอลนับหมื่นคน เพื่อนร่วมทีม คู่แข่ง สต๊าฟโค้ช และคนทั้งโลกที่ดูอยู่หน้าจอทีวี
น้ำตาที่ไหลในวันนั้นมากมายจริงๆ เพราะทุกคนต่างภาวนาให้เขาปลอดภัย และอีกไม่นานก็ได้รับข่าวดีว่า อีริกเซ่นกลับมาหาทุกคนแล้ว เขาอาการปลอดภัย แต่ยังไม่รู้ว่าจะกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกหรือไม่
แต่เกมในวันนั้นกลับเป็นฟินแลนด์ที่คว้าชัยชนะไปได้ 1-0 อย่างไรก็ตามการที่อีริกเซ่นหายดี มีค่ามากกว่า 3 แต้มในความรู้สึกของใครหลายๆ คน
เมื่อประเดิมด้วยความพ่ายแพ้ ทำให้ 2 นัดที่เหลือในรอบแบ่งกลุ่มของเดนมาร์ก คือ การเล่นแบบถวายหัว ทั้งเพื่อโอกาสเข้ารอบ ความสุขของแฟน และเพื่อคริสเตียน อีริกเซ่น
ถ้าเรามองย้อนกลับไปในอดีต เดนมาร์กเคยสร้างเทพนิยายเดนส์ด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 1992 ที่สวีเดน ทั้งๆ ที่ไม่ผ่านรอบคัดเลือกมาเป็น 8 ทีมในรอบสุดท้ายด้วยซ้ำ แต่จากการที่ยูโกสลาเวียมีสงครามในประเทศ ถูกตัดออกจากการแข่งขัน ทำให้เดนมาร์กทีมอันดับ 2 ในรอบคัดเลือก ในกลุ่มเดียวกับยูโกสลาเวีย เลื่อนขึ้นมาคว้าสิทธิไปแข่งขันแทน
ยูโร 1992 เดนมาร์กเริ่มต้นด้วยการเสมออังกฤษ 0-0 และแพ้สวีเดน 0-1 โอกาสเข้ารอบถือว่ามืดมน ไม่มีอันดับ 3 ที่ดีที่สุดแบบยูโร 2020 ไม่ได้เล่นในบ้านตัวเองเหมือนยูโร 2020 ไม่ได้แรงกระตุ้นเหมือนเหตุการณ์ขออีริกเซ่น
นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มต้องเจอกับฝรั่งเศส ทีมโคนมของ ริชาร์ด โมลเลอร์ นีลเซ่น เอาชนะทีมของ มิชาเอล พลาตินี่ 2-1 พลิกเข้ารอบในฐานะทีมอันดับ 2 ของกลุ่ม
ตัดภาพกลับมาในยูโร 2020 ถึงแม้ว่า แคสเปอร์ ยุลมันด์ กุนซือทีมโคนมในยุคปัจจุบันจะสร้างแรงกระตุ้นมากมายให้กับลูกทีม แต่เกมที่ 2 ของกลุ่ม เดนมาร์กไม่สามารถรอดพ้นความเด็ดขาดของเบลเยียม หนึ่งในทีมเต็งแชมป์ไปได้ ขึ้นนำก่อน 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 2 จาก ยุสซุฟ โพลเซ่น แต่มาเจอทีเด็ดของ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแอสซิสต์ 1 ยิงอีก 1 ให้ทีมชนะไป 2-1 ทิ้งให้เดนมาร์กต้องลุ้นเข้ารอบในเกมสุดท้ายกับรัสเซีย
อีริกเซ่นเข้ารับการผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ เพื่อลดความเสี่ยงถ้าอาการเดิมกำเริบ และออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านได้ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เพิ่มกำลังใจให้กับเพื่อนร่วมทีมอย่างมาก
เดนมาร์กเอาชนะรัสเซีย 4-1 แฟนบอลฉลองกันอย่างสุดเหวี่ยง พวกเขาเข้ารอบ 16 ทีมได้แล้ว และเข้าไปพบกับเวลส์ นับเป็นการเจอกันของสองทีมที่หัวใจเข้มแข็ง แต่เดนมาร์กคงไม่ได้เปรียบในเรื่องสนามแล้ว เพราะต้องไปเล่นที่โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 26 มิถุนายน ถ้าผ่านเวลส์ไปได้ ทีมที่รออยู่ข้างหน้ามีเนเธอร์แลนด์กับทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด โอกาสที่จะได้เจอกับทีมอัศวินสีส้มก็เป็นไปได้สูง
ย้อนกลับไปในเทพนิยายเดนส์ภาคแรก เดนมาร์กจบที่ 2 ในรอบแบ่งกลุ่ม และผ่านเข้ามาเล่นในรอบรองชนะเลิศ พบกับ “แชมป์เก่า” เนเธอร์แลนด์ ที่มียอดนักเตะ 3 ทหารเสือ ทั้ง รุด กุลลิท, แฟร้งก์ ไรจ์การ์ด, มาร์โก้ ฟาน บาสเท่น แต่ เฮนริก ลาร์เซ่น, ไบรอัน เลาดรู๊ป, ปีเตอร์ ชไมเคิล และเพื่อน ต่างทำหน้าที่อย่างเหลือเชื่อ จบ 120 นาที เสมอ 2-2 ก่อนที่เดนมาร์กจะชนะจุดโทษ 5-4 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแบบเซอร์ไพรส์
รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามอุลเลวี่ วันที่ 26 มิถุนายน 1992 เยอรมนีคือทีมที่เหนือกว่าด้วยชื่อชั้น แต่ทีมโคนมก็ทำเรื่องช็อกโลกด้วยการปราบทีมอินทรีเหล็กที่เต็มไปด้วยนักเตะเวิลด์คลาส 2-0 คว้าแชมป์ฟุตบอลรายการเมเจอร์เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ชาติได้อย่างน่าจดจำ
อีริกเซ่นที่มีอายุเพียง 4 เดือน ในวันที่เดนมาร์กคว้าแชมป์ยูโร 1992 กล่าวว่า คนเดนมาร์กทั้งประเทศรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นดี เพราะมีทั้งภาพยนตร์และละครที่จำลองเหตุการณ์คว้าแชมป์ นักเตะที่อยู่ในทีมแชมป์วันนั้นก็มีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้ พวกเขาแสดงให้เห็นว่าการคว้าแชมป์รายการใหญ่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้
หลังจากนี้จะเป็นเกมรอบน็อกเอาต์ ไม่ว่าจะทีมเล็กทีมใหญ่ก็พลาดไม่ได้ ความมั่นใจของเดนมาร์กที่แสดงออกมาให้เห็นในเกมกับรัสเซีย เป็นสิ่งที่ทำให้ต้องมาจับตามองว่า พวกเขามีนักเตะฝีเท้าดีหลายคน มีรูปแบบเกมที่หลากหลาย และการจบสกอร์ที่เฉียบขาด รวมทั้งพลังใจ เป้าหมายที่อยากจะสร้างเทพนิยายรอบใหม่
ยุลมันด์บอกว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเดนมาร์กเจอเรื่องหนักมามากๆ จนไม่น่าเชื่อว่าลูกทีมจะเล่นได้ดีและกลับมาเข้ารอบได้อย่างที่เห็น ถือเป็นค่ำคืนที่มหัศจรรย์มากๆ แต่ความสำเร็จในวันนี้ก็เหมาะสมกับความทุ่มเทของทุกคนแล้ว
เทพนิยายเดนส์รอบใหม่เดินมาเกือบครึ่งทางแล้ว ก็ต้องดูกันไปว่าความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น จะเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกลายเป็นเทพนิยายที่สมบูรณ์ได้ีอกครั้งหรือไม่