เมื่อโควิด-19 เดินหน้าซัลโวในยูโร 2020
ถึงแม้ว่าสีสันของกองเชียร์ใน ยูโร 2020 จะยังคงมีให้เห็น เพราะสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป(ยูฟ่า) อนุญาตให้แฟนบอลเข้าชมเกมใน 11 สนามเจ้าภาพได้ตามจำนวนที่เหมาะสม แต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จากการเดินทางไปมาของแฟนบอลทั่วยุโรปในยูโรครั้งนี้ก็เริ่มแผลงฤทธิ์กันแล้ว
เกมเตะกลุ่มบี ที่เดนมาร์กแพ้เบลเยียม 1-2 เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ปาร์เกน สเตเดียม ประเทศเดนมาร์ก มีแฟนบอลถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวนหนึ่ง จากการตรวจหาเชื้อ 4,000 คน โดยมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์เดลต้า หรือสายพันธ์อินเดีย 3 คน
สิ่งที่น่าห่วง คือ ตอนนี้โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในยุโรปแทนที่สายพันธุ์อัลฟ่า หรือสายพันธุ์อังกฤษ ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป เปิดเผยว่า สายพันธุ์เดลต้ากำลังเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในยุโรป และคาดว่าจะมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ แทนที่สายพันธุ์อัลฟ่าในเดือนสิงหาคมนี้
ส่วนเซ้น ปีเตอร์สเบิร์ก สเตเดียม ที่ประเทศรัสเซีย มีจำนวนผู้ติดเชื้อจากการไปเชียร์เกมจำนวนมาก โดยเฉพาะแฟนบอลฟินแลนด์ที่ข้ามแดนไปเชียร์ทีมในเกมที่แพ้เบลเยียม เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน หลังจากเดินทางกลับเข้าประเทศตัวเองแล้ว ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อจำนวนหนึ่ง
มีรายงานว่าในวันที่ 25 มิถุนายน มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 นับเฉพาะในเมืองเซ้นต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ถึง 107 คน ในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ถือเป็นสถิติจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดในเมืองนั้นๆ ต่อ 1 วัน ตั้งแต่ที่มีการระบาดของเชื้อมากว่า 1 ปี ถ้ามองภาพสถิติผู้เสียชีวิต ในวันที่ 25 มิถุนายน รวมทั้งประเทศรัสเซีย มีจำนวน 619 ราย เป็นวันที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปีที่แล้ว
สถานการณ์นอกสนามฟุตบอลในยุโรป หลายประเทศก็กำลังเจอการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดลต้าที่ทั้งรุนแรงกว่าและติดต่อได้ไวกว่า ทำให้ผู้นำหลายประเทศเรียกร้องให้เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างภูมิคุ้นกันหมู่ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
ไม่ใช่แค่แฟนบอล แม้แต่ในแคมป์ทีมชาติต่างๆ ก็ยังมีผู้ติดเชื้อ บิลลี่ กิลมอร์ กองกลางทีมชาติสกอตแลนด์ ถูกตรวจพบผลเป็นบวก จนต้องกักตัวเพื่อรักษาอาการ ส่วนสกอตแลนด์ก็ตกรอบแบ่งกลุ่มไปแล้ว ทำให้การควบคุมไม่น่าห่วง ในแคมป์ทีมชาติอังกฤษ มีนักข่าวจาก สกาย สปอร์ตส ติดเชื้อ ทำให้ทีมงานของสกาย สปอร์ตสต้องถอนทีมออกจากเซ้นต์เจมส์ ปาร์ก สถานที่เก็บตัวของทีมสิงโตคำรามทันที
ด้านองค์การอนามัยโลกมีความเป็นห่วงจำนวนผู้ติดเชื้อที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ จากยูโรหนนี้ และได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ตอนนี้หลายแมตช์ที่แข่งขันจบไป พบผู้ติดเชื้อแล้ว
จำนวนผู้ติดเชื้อคงไม่จบแค่ในสองสนามที่รัสเซียและเดนมาร์ก เพราะการแข่งขันยังเหลืออีกเกือบครึ่งเดือน เกมเตะรอบรองชนะเลิศและชิงชนะเลิศ ที่จะไปเตะที่เวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ รัฐบาลอังกฤษอนุญาตให้แฟนบอลเข้าชมได้ถึง 60,000 คน ถือเป็นจำนวนแฟนบอลที่เข้าสนามในอังกฤษได้มากที่สุดในรอบ 15 เดือน
การตัดสินใจของรัฐบาลอังกฤษทำให้เกิดความวิตกกันมากว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าจะระบาดเพิ่มขึ้นในหมู่แฟนบอลและส่งผลกระทบต่อประชาชนในภาพรวม เพราะไวรัสสายพันธุ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตในประเทศอินเดียกว่าพันคนมา 2 เดือนแล้ว
สถานการณ์ในอังกฤษเองก็ดูจะแย่อีกครั้ง ยอดผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา 11,625 คน เป็นสถิติที่สูงที่สุดต่อวันในรอบกว่า 4 เดือน ถึงแม้จะมีผู้ที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์สำหรับประชากรวัยผู้ใหญ่
เมื่อเห็นแบบนี้ทำให้มีการเรียกร้องให้เปลี่ยนสนามแข่งขันรอบตัดเชือกและรอบชิงจากเวมบลีย์ไปแข่งที่อื่นที่ปลอดภัยจากไวรัสสายพันธุ์เดลต้ามากกว่านี้
มาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ออกมาบอกว่า เกมรอบชิงชนะเลิศไม่ควรจัดในประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากอย่างอังกฤษ แต่ยูฟ่ายังยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนสนามแข่งขันไปที่อื่นแน่นอน
แฟรงก์ อูลริช มอนต์โกเมอรี่ย์ ประธานสมาคมแพทย์โลก ออกมาให้คำแนะนำเชิงเตือนว่า แฟนบอลเยอรมันที่จะเดินทางไปเชียร์เกมรอบ 16 ทีมระหว่างอังกฤษกับเยอรมนีที่เวมบลีย์นั้น คนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน และไม่ระมัดระวังตัวให้ดี มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อสูงมาก ส่วนคนที่ฉีดวัคซีนแล้วก็ต้องทำตามระเบียบให้เคร่งครัด เพื่อให้เสี่ยงติดเชื้อน้อยที่สุด
“ผมไม่เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษยอมให้แฟนบอลเข้าสนามได้มากมายขนาดนั้นได้ยังไง เพราะถ้าเป็นผมคงห้ามให้แฟนบอลเข้าสนามเลย” มอนต์โกเมอรี่ย์กล่าว
รัฐบาลเยอรมนีมีข้อบังคับว่า ทุกคนที่เดินทางกลับออกจากอังกฤษเพื่อเข้าเยอรมนีจะต้องกักตัว 14 วัน ให้แน่ใจว่าไม่ติดเชื้อก่อนถึงจะอนุญาตให้ใช้ชีวิตตามปรกติได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ก็อยากให้ทุกประเทศในยุโรปใช้กฎนี้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าด้วย
โอลิเวอร์ ดาวเดน เลขาธิการกระทรวงดิจิตอล วัฒนธรรม สื่อมวลชนและกีฬา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อังกฤษทำงานอย่างใกล้ชิดกับยูฟ่าและสมาคมฟุตบอลเพื่อวางมาตรการที่ปลอดภัยที่สุดในการอนุญาตให้แฟนบอลเข้าชมเกมในสนามได้
ไม่ใช่แค่ยูโรเท่านั้นที่อังกฤษอนุญาตให้แฟนเข้าสนามได้จำนวนมาก แต่การแข่งขันกีฬารายการใหญ่ๆ ทั้งเทนนิสแกรนด์สแลม “วิมเบิลดัน” และคริกเก็ตรายการนานาชาติ ก็ให้มีผู้ชมจำนวนมากได้เช่นกัน เนื่องจากเป็นนโยบายนำร่องเพื่อเปิดให้แฟนเข้าชมกีฬาอื่นๆ ได้จำนวนมากในเร็วๆ นี้
นอกจากพื้นที่ในสนามแข่งขันแล้ว ผับบาร์ต่างๆ ก็มีผู้ติดเชื้อเช่นกัน บาร์แทมเวิร์ธ ในเมืองเบอร์มิงแฮม ที่แฟนบอลอังกฤษเข้าไปเชียร์เกมสิงโตคำรามเจอกับสกอตแลนด์ มีผู้ติดเชื้อหลังไปร่วมชมเกมนั้นในบาร์ ทำให้ร้านต้องปิดทำความสะอาด และให้ทุกคนที่อยู่ในสถานที่นั้นไปตรวจพีซีอาร์หาเชื้อ ส่วนบาร์ก็ต้องปิดไปกว่า 1 สัปดาห์
แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเบอร์มิงแฮมเพียงเมืองเดียวของยุโรป แต่ยังมีอีกหลายสถานที่ทั่วยุโรป
น่าคิดมากว่าหลังจบยูโร 2020 ไปแล้ว สถานการณ์โควิด-19 ในยุโรปจะเป็นอย่างไร เพราะขนาดว่าผ่านไปครึ่งทางยังดูไม่น่าไว้ใจ
หลังจากได้รู้ว่าทีมแชมป์เป็นชาติไหน ก็คงต้องกลับมารับมือกับเชื้อร้ายแบบเข้มงวดกันอีกรอบ
