‘ฟุตบอลยังไม่ได้กลับบ้าน’ ความเจ็บปวดท่ามกลางความภาคภูมิใจ

‘ฟุตบอลยังไม่ได้กลับบ้าน’ ความเจ็บปวดท่ามกลางความภาคภูมิใจ

ยูโร 2020 ปิดฉากด้วยการฉลองของ อิตาลี คว้าแชมป์ยูโรสมัยที่ 2 ยุติการรอคอย 53 ปีลงได้แล้ว

ไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์ที่ทีมอัซซูรี่ไปถึงดวงดาว เพราะพวกเขาทำผลงานได้ดีมาตลอด และไม่ใช่แค่ในทัวร์นาเมนต์ แต่ไม่แพ้ใครมา 34 นัดติดต่อกัน หรือช่วงเวลา 3 ปีเลยทีเดียว

ในมุมของผู้แพ้ อังกฤษ ยังคงต้องรอคอยให้ฟุตบอลกลับบ้านต่อไป แต่ก็ถือว่าขยับเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ก่อนหน้านี้เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2018 มาแล้ว ในยูโร 2020 ก็มาถึงรอบชิงชนะเลิศได้อีก แถมนักเตะที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต เลือกมาอยู่ในทีม ก็มีเวลาใช้งานกันอีกไม่น้อย

Advertisement

ท่ามกลางความผิดหวังและเสียงตำหนิเซาธ์เกตในรูปแบบการเล่นที่กลัวและระวังมากเกินไป ก็ยังมีคำชื่นชม ให้กำลังใจ ที่ทำให้ทัพสิงโตคำรามมีแรงฮึดที่จะล่าแชมป์ต่อไปเมเจอร์ทัวร์นาเมนต์อื่นๆ

อลัน เชียเรอร์ อดีตศูนยืหน้าทีมชาติอังกฤษ บอกว่า นักเตะรุ่นหลานสร้างรอยยิ้มและสร้างความหวังให้กับคนทั้งประเทศ มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่แย่ๆ สำหรับพวกเขา แต่ก็หวังว่าจะผ่านมันไปได้ มันคงเป็นความเจ็บปวดเหมือนตกนรกไปตลอดอาชีพการค้าแข้งของทั้ง 26 คน อย่างไรก็ตามในช่วงเวลา 1 เดือนนี้ ทุกคนสร้างความภาคภูมิใจให้กับชาติบ้านเกิดได้มากมายจริงๆ

แฟรงก์ แลมพาร์ด อดีตมิดฟิลด์สิงโตคำราม กล่าวว่า ความผิดหวังครั้งนี้เป็นบทเรียนที่จะต้องเรียนรู้กันไป ที่ผ่านมาทีมนี้เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ด้วยประสบการณ์ที่มากมายของนักเตะอิตาลี ถึงแม้พวกเขากำลังจะแพ้ แต่กลับไม่ยอมแพ้ พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจเสมอเวลาที่ครองบอล 

Advertisement

“เราได้เห็นนักเตะแต่ละคนโตขึ้น ทีมพัฒนาขึ้น และทุกคนก็เติบโตไปพร้อมพวกเขา” แลมพาร์ดกล่าว

ส่วน ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตปราการหลังทีมชาติอังกฤษ แสดงความคิดเห็นว่า นักเตะชุดนี้สร้างพลังให้กับประเทศชาติในช่วงเวลาที่คนในชาติต้องการพอดิบพอดี ความพ่ายแพ้ในวันนี้เกิดขึ้นจากการที่แพ้ทีมที่ดีที่สุดในยุโรป ทีมที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์ และสู้กันได้ถึงง 120 นาที 

ไมก้าห์ ริชาร์ดส์ หนึ่งในอดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ บอกว่า รู้สึกภาคภูมิใจกับอังกฤษชุดนี้มาก แต่ก็ภูมิใจกับสิ่งที่อิตาลีได้ทำให้เห็นด้วย โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือทีมอัซซูรี่ ควรได้รับคำชมอย่างมาก เพราะทีมของเขาทำได้ยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์

ในอีกมุมหนึ่ง หลังจบเกม ในโลกโซเชียลมีการเหยียดผิวและด่าทอ 3 นักเตะที่พลาดจุดโทษ มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจดอน ซานโช่, บูกาโย่ ซาก้า จนทำให้สมาคมฟุตบอลอังกฤษ(เอฟเอ) ต้องออกแถลงการณ์ประณามการกระทำดังกล่าว และเรียกร้องให้เจ้าของแพลตฟอร์มในโซเชียลมีเดียต่างๆ ช่วยกันปราบปรามและลงโทษบุคคลที่ทำพฤติกรรมไม่พึงประสงค์เหล่านี้

“เอฟเอไม่สนับสนุนการกระทำแบบนี้ และจะลงโทษผู้กระทำอย่างถึงที่สุด รวมทั้งช่วยกันหยุดพฤติกรรมลักษณะนี้อย่างเร็วที่สุด เพราะมีผลต่อชีวิตผู้ถูกกระทำ เจ้าของแพลทฟอร์มโซเชียลมีเดียควรเข้ามามีบทบาทในการลงโทษหรือแบนผู้กระทำความผิด เพื่อช่วยให้แพลทฟอร์มนั้นๆ ปลอดจากการกระทำที่ไม่เหมาะสมด้วย”

ความผิดหวังเป็นสิ่งที่แฟนบอลสิงโตคำรามคุ้นชินมาตลอด 55 ปี เพราะหลังจากเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 1966 ในบ้านตัวเอง ก็ยังไม่เคยเดินทางมาไกลถึงรอบชิงชนะเลิศได้อีกเลย จังหวะที่เซาธ์เกตเดินอยู่ในสนามเวมบลีย์ หลังทีมได้แค่รองแชมป์ ทำให้เห็นภาพในวันที่เขายิงจุดโทษพลาดในยูโร 1966 ที่สนามแห่งนี้ จนทีมตกรอบรองชนะเลิศ ไปแบบเจ็บปวด

วลีเด็ดที่แฟนบอลอังกฤษใช้กันมาตลอด คือ Football ’s coming home หรือ “ฟุตบอลกำลังกลับบ้าน” เป็นเพลงประจำการแข่งขันยูโร 1996 และยังใช้ติดปากกันมาถึงทุกวันนี้ แต่จนแล้วจนรอด แม้จะเข้าใกล้ขนาดที่ว่ามาแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในเวมบลีย์แล้ว แต่ฟุตบอลก็ยังพลัดพรากไปที่กรุงโรม ประเทศอิตาลีอยู่ดี

“เราเตรียมตัวในการยิงจุดโทษกันมาอย่างดี และเริ่มต้นได้ดี แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเอาชนะได้ แต่พวกเราก็ร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยกันสร้างช่วงเวลาที่เหลือเชื่อให้กับประเทศ การเข้าใกล้แชมป์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ สิ่งที่นักเตะทุกคนแสดงออกมาให้เห็นในเกมนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาควรจะภูมิใจในตัวเอง” กุนซือทีมชาติอังกฤษกล่าว

เซาธ์เกตเดินเข้าไปปลอมประโลมลูกทีมที่ยิงจุดโทษพลาด และหลายคนที่ร่ำไห้ เป็นหน้าที่ที่ผู้จัดการทีมทุกคนต้องทำมันอยู่แล้ว มันอาจจะไม่ได้ช่วยลดความเจ็บปวดจากความพ่ายแพ้ แต่ก็ยังทำให้เห็นว่าในวันที่พลาด มันไม่ใช่ความผิด และนักเตะเหล่านี้จะยังได้รับความไว้วางใจจากโค้ชในการควานหาคสามสำเร็จครั้งใหม่ให้กับประเทศของตัวเองต่อไป

เหลือเวลาอีกแค่ 1 ปี 5 เดือนเท่านั้น ฟุตบอลโลก 2022 จะแข่งขันกันแล้ว แน่นอนว่านักเตะทีมชาติอังกฤษจากยูโร 2020 จะเป็นกำลังสำคัญที่เราจะได้เห็นพวกเขาไปลุ้นแชมป์กันอีกครั้งในปีหน้า บางคนอาจจะหลุดไป เปิดโอกาสให้คนอื่นก้าวเข้ามา แต่ประสบการณ์ที่เพิ่มพูนในทัวร์นาเมนต์นี้ จะทำให้อังกฤษแข็งแกร่งขึ้น มันอาจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้พวกเขาก้าวไปเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 2 ก็ได้

เมื่อถึงวันที่ดีพอ ฟุตบอลก็จะเดินทางกลับบ้านอย่างสวัสดิภาพสมการรอคอย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image