‘พาณิภัค vs หวู จิงหยู’ เดิมพันแชมป์ประวัติศาสตร์

‘พาณิภัค vs หวู จิงหยู’ เดิมพันแชมป์ประวัติศาสตร์

24 กรกฎาคม ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นักกีฬาไทยจะได้ลุ้นเหรียญรางวัลเหรียญแรกในโอลิมปิกเกมส์ 2020 เพราะเทควันโดทั้ง 2 รุ่นของไทย รุ่น 58 กก.ชาย “จูเนียร์” รามณรงค์ เสวกวิหารี และ รุ่น 49 กก.หญิง “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จะลงแข่งขันในวันเดียว

ถ้าว่ากันถึงรุ่น 49 กก.หญิง ถือเป็นความหวังสูงสุดของทัพนักกีฬาไทยในการลุ้นเหรียญทองในโตเกียว 2020 เพราะพาณิภัคคือเบอร์ 1 ของโลกในรุ่นนี้ และไม่แพ้ใครมาแล้วกว่า 3 ปี เป็นเต็งหามทั้งในความรู้สึกของวงการเทควันโดโลกและความรู้สึกของคนไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้

สำหรับรุ่นนี้ 4 นักกีฬาที่ได้เหรียญรางวัลจากโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ประเทศบราซิล เหลือมาลุ้นแชมป์แค่ 2 คน คือ พาณิภัค เจ้าของเหรียญทองแดง และ ทิยาน่า บอกดาโนวิช จอมเตะเหรียญเงินจากเซอร์เบีย ขณะที่ คิม โซ ฮุย แชมป์ในรุ่นนี้จากเกาหลีใต้ ไม่ได้มาแข่ง แต่ยังมี ซิม แจยอง รุ่นน้องที่มาเพื่อป้องกันแชมป์ให้เกาหลีใต้ ด้าน ปาติมัท อบาคาโรว่า เหรียญทองแดงอีกคนจากอาเซอร์ไบจาน ไม่มาแข่งขัน

Advertisement

อีกคนที่จะลืมไม่ได้ คือ หวู จิง หยู จอมเตะทีมชาติจีน เจ้าของเหรียญทอง 2 สมัย ในโอลิมปิกเกมส์ 2008 และ 2012 ที่พลาดท่าไร้เหรียญในโอลิมปิก 2016 วันนั้นหวูร้องไห้แบบสุดช็อก เมื่อพลาดท่าพ่ายในรอบแก้ตัวที่จะได้ลุ้นเหรียญทองแดง ให้กับอบาคาโรว่า 

การกลับมาครั้งนี้ของหวู จิงหยู เรียกได้ว่าเป็นโอลิมปิกครั้งสุดท้ายในชีวิตแล้วก็ว่าได้ เพราะในวัย 34 ปี เป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง คงรักษาร่างกายไปถึงโอลิมปิกเกมส์ 2024 ไม่ไหวแน่ๆ 

จากการจัดอันดับโลกล่าสุด 1.พาณิภัค 2.บอกดาโนวิช 3.รูกิเย ยิลดิริม(ตุรกี) 4.ซิม แจยอง 5.คิม โซฮุย 6.คริสติน่า โทมิช(โครเอเชีย) 6.หวู จิงหยู

การจับสลากแบ่งสายที่ออกมา พาณิภัคจะเริ่มต้นรอบแรก หรือรอบ 16 คน พบกับผู้ชนะระหว่าง อวิชชาง แซมเบิร์ก มือ 16 จากอิสราเอล และ วิคตอเรีย สแตมบวร์ก มือ 17 จากเปอร์โตริโก ซึ่งต้องแข่งกันเองในรอบก่อนรอบ 16 คนสุดท้ายก่อน 

ส่วนรอบ 8 คน จะเข้าไปเจอผู้ชนะระหว่าง อีเวตต์ ยอง มือ 11 ของโลจากแคนาดา กับ ธิ คิม เตวียน เตรือง มือ 10 ของโลกจากเวียดนาม ถ้าชนะจะเข้ารอบรองชนะเลิศ มีโอกาสเจอซื่อ ป๋อ หยา จากไต้หวัน หรือ แจยองจากเกาหลีใต้ 

ด้านอีกสายหนึ่ง หวู จิงหยู จะมีบอกดาโนวิชและยิมดิริมที่เป็นคู่แข่งตัวฉกาจ แต่การคาดการณ์คู่ชิงชนะเลิศในรุ่นนี้ ถูกมองกันว่า พาณิภัคจะต้องไปเจอกับหวู เพื่อชิงเหรียญทองกันอย่างแน่นอน

สถิติการเจอกันของพาณิภัคและหวู จิงหยู เคยเจอกันมา 5 ครั้ง สาวไทยชนะ 3 ครั้ง แพ้ 2 ครั้ง 

ศึกกรังด์ปรีซ์ 2015 ที่เมืองซัมซุน ประเทศเกาหลีใต้ หวูชนะ 24-12 ที่ประเทศเม็กซิโก หวูชนะ 15-3

ศึกชิงแชมป์โลก 2019 ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ พาณิภัคชนะ 21-6

ศึกกรังด์ปรีซ์ 2019 ที่เมืองชิบะ ประเทศญี่ปุ่น พาณิภัคชนะ 9-2

ศึกแกรนด์สแลม 2019 ที่เมืองอู๋ซี ประเทศจีน พาณิภัคชนะ 2-0

ที่น่าสนใจ คือ 4 จาก 5 ครั้งที่เจอกัน เป็นการเจอกันในรอบชิงชนะเลิศทั้งหมด และถ้าจะเจอกันในโอลิมปิกครั้งนี้ นั่นหมายถึงว่าทั้งคู่จะต้องกรุยทางไปเจอกันในรอบชิงชนะเลิศเท่านั้น 

หวูเป็นนักเทควันโดหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้แข่งขันโอลิมปิก 4 สมัย ครองดีกรีมากมายมาแข่งขันในครั้งนี้ ถึงแม้จะเคยประกาศเลิกเล่นไปแล้วหลังจบโอลิมปิก 2016 การกลับมาครั้งนี้ย่อมมีความหวังเต็มเปี่ยม เพราะเป็นครั้งสุดท้ายของตัวเอง ถ้าเป็นแชมป์ได้จะสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเทควันโดคนแรกที่คว้าเหรียญทองได้ถึง 3 สมัย

แต่ถ้าดูจากผลงานในรอบปี 2019 หวูลงแข่ง 6 รายการ เข้ารอบชิงชนะเลิศได้ถึง 5 รายการ แต่ได้แชมป์เพียงรายการเดียว ที่สำคัญแพ้บอกดาโนวิช 2 ครั้ง และพาณิภัค 3 ครั้งอีกด้วย

ส่วนน้องเทนนิสไม่แพ้ใครตลอดปี 2019 และถ้านับหลังจากจบโอลิมปิก 2016 เทนนิสกวาดมาแล้ว 19 แชมป์ ทั้งแชมป์โลก, เอเชีย, ซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, กรังด์ปรีซ์, กีฬามหาวิทยาลัยโลก, แกรนด์สแลม รายการโอเพ่นต่างๆ จนทะยานรั้งมือ 1 ของโลกในรุ่นตัวเองมาพักใหญ่

ซิม แจยอง

ซิโมน ไบล์ส ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวเอพี ได้ทำการวิเคราะห์ผู้ที่จะเป็นตัวเต็งคว้าเหรียญรางวัลในอีเวนต์ต่างๆ สำหรับโอลิมปิกเกมส์ 2020 โดยในส่วนของเทควันโดไบล์สเลือก ชิม แจยอง จากเกาหลีใต้ เป็นผู้ที่จะได้เหรียญทองไปครอง และให้เทนนิสได้แค่เหรียญเงิน 

แต่ในความเป็นจริงแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าจะเจอกัน ทั้งสองคนนี้ต้องเจอกันตั้งแต่รอบรองชนะเลิศแล้ว หมายถึงว่าถ้าใครพลาด ก็ได้แค่ลุ้นเหรียญทองแดงในรอบแก้ตัวเท่านั้น แต่สถิติการเจอกัน 3 ครั้ง แจยองยังไม่เคยผ่านพาณิภัคไปได้เลย

อย่างไรก็ตามการที่ถูกมองว่าจะไปไม่ถึงแชมป์ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีในการช่วยลดความกดดันให้กับจอมเตะสาวไทยที่ใครๆ ก็มองว่าแบเบอร์ที่จะไปถึงแชมป์

พาณิภัคเตรียมความพร้อมมาอย่างยาวนาน ทุ่มเทกับเทควันโดเกือบทั้งหมดตลอดเวลา 5 ปี ถึงแม้ว่าการแข่งขันจะเลื่อนออกมา 1 ปี แต่ทุกอย่างยังเดินหน้าอย่างเข้มข้น เพราะเหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ เป็นแชมป์เดียวที่เธอยังไม่เคยได้สัมผัสในการเล่นเทควันโดมาตลอดชีวิต

ที่สำคัญ ถึงแม้เทควันโดไทยจะทำเหรียญรางวัลมาตลอดในโอลิมปิก 3 ครั้งหลังสุด แต่ก็ยังไม่เคยไปถึงเหรียญทอง ถ้าทำได้ในครั้งนี้ จะถือเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ และเป็นชนิดกีฬาที่ 3 ของไทย ที่ได้เหรียญทองต่อจากมวยสากลสมัครเล่นและยกน้ำหนัก

24 กรกฎาคม ต้องให้กำลังใจ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ และ “จูเนียร์” รามณรงค์ เสวกวิหารี เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้วงการกีฬาไทยกันเยอะๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image