สวยประหาร! ‘บัวริมบึง ก่อเกียรติยิม’ จากแชมป์โลก WBC สู่นางฟ้าชุดขาว

สวยประหาร! ‘บัวริมบึง ก่อเกียรติยิม’ จากแชมป์โลก WBC สู่นางฟ้าชุดขาว

 

 

ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ชื่อของ “บัวริมบึง ก่อเกียรติยิม” หรือ “น้องแป๋ว” อดีตแชมป์มวยโลกหญิง สภามวยแห่งเอเชีย (WBC Asia) รุ่น 102 ปอนด์ (อะตอมเวต) ชาวจังหวัดหนองคาย เป็นที่รู้จักของแฟนๆ กำปั้นบ้านเราเป็นอย่างดี

ด้วยรูปร่างหน้าตา น่ารักสดใส บวกลีลาเชิงมวยอันจัดจ้านบนสังเวียนผ้าใบ ทำให้เธอกลายเป็นขวัญใจของหนุ่มๆ ข้างเวที และเหล่ากองเชียร์ในสนามทันที..

Advertisement

 

 

Advertisement

น่าเสียดายที่ในปัจจุบัน “แป๋ว” ประกาศแขวนนวมบอกลาวงการมวยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังเติมเต็มอาชีพในฝันตั้งแต่เด็กๆ ด้วยการเป็นพยาบาลสาวดูแลคนป่วย อยู่ที่โรงพยาบาลเซกา จังหวัดบึงกาฬ ล่าสุด “น้องแป๋ว” เพิ่งได้รับรางวัลพยาบาลดีเด่นของโรงพยาบาลบึงกาฬมาหมาดๆ แต่เรื่องราวของเธอในสมัยที่เป็น “บัวริมบึง ก่อเกียรติยิม” ดูน่าสนใจและอาจเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครได้หลายคน

แผนกข่าวกีฬา “มติชน” มีโอกาสพูดคุยกับเธอ ลองมาฟังมุมมองดีๆ ของอดีตนักมวยสาวคนสวยกันนับจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป

“น้องแป๋ว” น.ส.มลฤดี จันทร์แดง เล่าย้อนกลับไปในช่วงชีวิตวัยเด็กของเธอว่า คุณพ่อเป็นคนที่ชื่นชอบในกีฬามวยอยู่แล้ว ประจวบเหมาะกำลังรับตำแหน่งเป็นผู้นำชุมชนอยู่พอดิบพอดีในเวลานั้น เลยคิดไอเดียที่จะสร้างค่ายมวยชื่อว่า “ค่ายจันทร์แดงอุปถัมภ์” ขึ้นมาเพื่อให้เด็กๆ แถวบ้านได้หันมาออกกำลังกาย อีกทั้งยังได้ชักชวน “ขุนส่า เพชรเมืองตราด” คุณตาเพื่อนบ้านคนสนิทที่มีดีกรีเป็นอดีตนักมวยเก่า มาช่วยถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทยให้กับลูกหลานในหมู่บ้านที่สนใจกันแบบฟรีๆ

 

 

เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว “แป๋ว” ไม่รอช้าที่จะหันเข้ามาฝึกซ้อมในค่ายของคุณพ่อร่วมกับเด็กๆ ในหมู่บ้าน โดยในเวลานั้นเธอคิดเพียงแค่ได้ออกกำลังกายตามภาษาเด็กทั่วไปเหมือนคนอื่นๆ แค่นั้น ไม่ได้คิดจะจริงจังเป็นอาชีพอะไร

หลังจากที่ซ้อมมาได้สักระยะหนึ่ง “แป๋ว” ก็ได้มีโอกาสขึ้นชกประลองกำปั้นบนสังเวียนผ้าใบครั้งแรกในชีวิต ที่งานวัดแถวบ้าน ซึ่งต้องบอกว่าไฮไลต์ประจำงานวัดตามต่างจังหวัด ที่เรียกเสียงฮือฮาจากคนดูได้เยอะที่สุดในงาน ก็ต้องยกให้กับการแข่งขันมวยไทยภูธรนี่แหละที่เป็นที่นิยมมากที่สุด

“แป๋ว” ถูกติดต่อจากคุณพ่อของคู่ชกในวันนั้น ให้ขึ้นไปชกเป็นแมตช์สร้างสีสันในงานเรียกคนดูหน่อย ซึ่งเธอก็ได้ปรึกษากับครอบครัว และตอบตกลงทันที โดยมีค่าตัวในการขึ้นชกไฟต์แรกอยู่ที่ 500 บาท ซึ่งสำหรับเธอในวัย 12 ปี ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควรเลยทีเดียว โดยในแมตช์นั้นเธอจัดการคู่ชกบนเวทีได้แบบไม่ยากเย็น
ไม่นานนักหลังจากการได้ลองขึ้นสังเวียนครั้งแรก “แป๋ว” เริ่มสนุกและซึมซับหลงใหลไปกับกีฬามวยไทยที่ได้ฝึกซ้อมอยู่ที่ค่ายของคุณพ่อ มาลี จันทร์แดง

 

 

ทุกๆ วันเธอจะต้องตื่นตี 5 เพื่อเตรียมอบอุ่นร่างกายและฝึกซ้อมในมื้อเช้าก่อนไปโรงเรียน ซึ่งช่วงไหนที่มีโปรแกรมแข่งขัน คุณพ่อจะสั่งการบ้านกับเธอด้วยการให้วิ่งจากโรงเรียน ระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตร กลับมายังค่ายมวยที่บ้านเพื่อเป็นการเรียกความฟิตก่อนซ้อมมื้อเย็นแบบนี้ทุกครั้ง

ระหว่างที่ “แป๋ว” ทั้งเรียน และเล่นกีฬาควบคู่ไปด้วยกัน เธอสามารถจัดการบริหารเวลาในชีวิตของตัวเองได้เป็นอย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย เธอมีครอบครัวและเพื่อนๆ รวมทั้งอาจารย์ที่โรงเรียนคอยสนับสนุนอยู่ตลอด ทุกครั้งที่เธอต้องขาดเรียนไปแข่งตามเวทีต่างจังหวัด เพื่อนๆ ของแป๋ว จะคอยมาช่วยติวการบ้านย้อนหลังให้กับเธอทุกครั้งด้วยความเต็มใจ รวมทั้งอาจารย์เองก็ช่วยเหลือที่เธอคอยสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน และให้มาตามสอบทีหลังเพื่อนๆ ได้

 

ถึงแม้ “แป๋ว” จะดูมีอภิสิทธิ์มากว่าคนอื่นๆ ในโรงเรียนแต่เธอก็ไม่ใช่เด็กที่ออกนอกลู่นอกทาง อีกทั้งเธอยังได้รับรางวัลเยาวชนดีเด่นด้านกีฬาของสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาหนองคาย เขต 3 และโล่รางวัลพระราชทาน เยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ในปี 2552 เพื่อเป็นเครื่องหมายการันตีถึงความมีระเบียบวินัยของตัวเองได้เป็นอย่างดี

ระหว่างที่ออกเดินสายเก็บประสบการณ์ตามเวทีภูธร ฝีไม้ลายมือของเธอก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความที่มีสรีระร่ายกายสูงยาวเข่าดี ทำให้แป๋วมีจุดเด่นในเรื่องของช่วงลำแขนที่ยาว ทุกครั้งที่เธอปล่อยหมัด ก็จะได้เปรียบคู่ต่อสู้ทุกเวที จนในที่สุดเธอก็สามารถก้าวขึ้นไปเป็นถึงแชมป์มวยไทยอาชีพหญิง จังหวัดหนองคาย ในรุ่น 38 กิโลกรัม ได้สำเร็จ

 

 

หลังจากที่ได้แชมป์มาครอง “แป๋ว” ก็ถูกติดต่อทาบทามเข้ามาเพื่อขอตัวให้เข้าไปแข่งขันที่กรุงเทพฯ ในรายการ “อัศวินดำ” ทันที ซึ่งนี่ถือเป็นรายการเบอร์ใหญ่ระดับต้นๆ ของประเทศ ที่มีถ่ายทอดสดให้รับชมผ่านช่อง 9 จากเดิมเธอไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนว่าวันหนึ่งจะได้เข้ามาชกที่กรุงเทพฯ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากรุงเทพฯ หน้าตาเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงว่าการแข่งขันในรายการนี้จะมีการถ่ายทอดสดออกไปให้คนที่บ้านได้รับชมผ่านหน้าจอทีวีแค่นั้น ซึ่งการได้ชกออกช่องทีวีนี่แหละคือแรงผลักดันของเธออย่างแท้จริง ที่ทำให้เธอมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มที่เพื่อรายการนี้

การได้มาลองเล่นมวยสากล ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของ “แป๋ว” อย่างแท้จริง เพราะหลังจากนั้นเธอก็ได้เปลี่ยนสายจากมวยไทยมาเล่นมวยสากลอาชีพแทนทันที จากการแนะนำของ นายโฆษิต ช่วยบุญส่ง แมวมองของค่ายก่อเกียรติยิม ที่เห็นแววในตัวของเธอและได้ทาบทามให้มาอยู่ร่วมค่ายด้วยกันที่กรุงเทพฯ พร้อมมอบชื่อ “บัวริมบึง ก่อเกียรติยิม” ให้กับ “แป๋ว” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

 

กราฟชีวิตในเส้นนักมวยสากลอาชีพหญิงของ “แป๋ว” กำลังเป็นไปได้ด้วยดี เธอเป็นนักมวยสากลหญิงดาวรุ่งที่ครบเครื่องครบรส จนน่าจับตามองคนหนึ่งของประเทศในเวลานั้น ด้วยลีลาการปล่อยหมัดที่ได้เปรียบด้วยช่วงแขนที่ยาวกว่า คืออาวุธเด็ดของเธออย่างแท้จริง ประกอบกับหน้าตาที่ดูสวย น่ารัก ทำให้ยามที่เธอขึ้นสังเวียนมักจะมีหนุ่มๆ ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่มาคอยส่งเสียงเชียร์เป็นกำลังใจให้อยู่ไม่ขาดสาย

ช่วงอายุ 16 ปี “แป๋ว” ถูกผลักดันบวกกับใช้ฝีมือของตัวเอง กระโดดก้าวไปคว้าถึงแชมป์มวยโลกหญิง สภามวยแห่งเอเชีย (WBC Asia) ในรุ่น 102 ปอนด์ (อะตอมเวต) ได้เป็นสำเร็จซึ่งถือเป็นแชมป์เส้นใหญ่สุดในชีวิตของแป๋วเลยก็ว่าได้

ว่ากันว่าช่วงที่แป๋วได้แชมป์มาใหม่ๆ นั้น เธอเคยถูกค่ายผลิตหนังชื่อดังตามจีบให้เธอไปลองไปเล่นหนัง พร้อมยื่นข้อเสนอให้ไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ สุดท้ายเธอก็ได้ตอบปฏิเสธออกไปเพราะเธอไม่ชำนาญเรื่องดังกล่าว

 

แต่ทุกอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หลังจากที่แป๋วสามารถสอบเข้าศึกษาต่อปริญญาตรี คณะพยาบาลศาสตร์ สาขาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ได้สำเร็จ เธอจึงได้ตัดสินใจอำลาวงการกำปั้นเพื่อขอไปมุ่งมั่นกับการเรียนอย่างเต็มที่

เดิมที “แป๋ว” เลือกที่จะขอทิ้งห่างไปสักระยะเพื่อขอไปปรับตัวกับการเรียนก่อนช่วงแรก แต่ด้วยคณะพยาบาลศาสตร์ที่เธอเลือกเรียนนั้น แทบจะไม่มีเวลาว่างให้กับเธอได้กลับมาซ้อมกีฬา ประกอบกับสภาพร่างกายที่ร้างสนามไปนาน ทำให้แป๋วเลือกที่จะตัดสินใจอำลาสังเวียนอย่างจริงจัง

ถึงจะประกาศอำลาไปแล้วก็จริง แต่ก็ยังมีผู้ใหญ่ในวงการหลายคนที่ยังชื่นชอบในฝีไม้ลายมือของ “บัวริมบึง ก่อเกียรติยิม” อยู่และได้ติดต่อทาบทามให้โอกาสเธอหวนกลับไปต่อยมวยอีกครั้งในการแข่งขันชิงแชมป์ สภามวยโลก (WBC Asia) ที่เธอเคยสัมผัสในตอนอายุ 16 ปีมาแล้ว ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้บังคับและให้เธอเป็นคนเลือกตัดสินใจเองว่าจะกลับไปชกหรือไม่อย่างไร

 

แต่หากเธอตัดสินใจกลับไปชกอีกครั้ง เธออาจจะต้องพักการเรียนเพื่อกลับไปฝึกซ้อมเรียกความฟิตอย่างน้อย 3 เดือนก่อนลงแข่งขัน ซึ่งเท่ากับว่าเธอจะต้องเลือกดร็อปเรียนไปก่อน สุดท้ายเธอเลือกที่จะตอบปฏิเสธไปในภายหลังเพราะต้องการเรียนให้จบตามหลักสูตร 4 ปี พร้อมเพื่อนๆ

จนท้ายที่สุดเธอสามารถเรียนจบปริญญาตรี คณะพยาบาลศาสตร์ สาขาพยาบาลศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ได้สำเร็จ พร้อมได้บรรจุเป็นพยาบาลวิชาชีพอยู่ที่โรงพยาบาลเซกา จังหวัดบึงกาฬ ตามความฝันในวัยเด็กที่อยากเป็นพยาบาลมาดูแลครอบครัวในอนาคต

 

 

แม้จะบรรจุเป็นพยาบาลแล้วก็ตาม แต่ “แป๋ว” ไม่ได้ทิ้งวงการมวยไปไหน เพราะเธอมีแวะเวียนมาสร้างสีสันอยู่บ้างในรายการ วี.เอ็ม.ซี.เซเว่นเบรนส์ “ศึกมหาสงกรานต์ วิสุทธิ์กษัตริย์” ที่จัดขึ้นในเทศกาลสงกรานต์ ปี 2559 อีกทั้งแป๋วยังอยากเปิดค่ายมวยเล็กๆ เหมือนกับที่คุณพ่อเคยทำเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กอีกด้วย เพราะเธออยากให้เด็กๆ ในหมู่บ้านได้มีโอกาสเหมือนกับที่เธอเคยได้รับเช่นกัน

สำหรับเธอแล้วจากนักกีฬามวยสากลอาชีพมาเป็นพยาบาล ก็แตกต่างกันพอสมควรแต่สิ่งที่เหมือนกันสำหรับเธอนั้นคือ “ความอดทน” ตอนเป็นนักมวยก็ต้องอดทนฝึกซ้อม อดทนกับความเหนื่อยล้าความเจ็บปวดเวลาอยู่บนสังเวียน

 

เพื่อแลกกับความสำเร็จ แต่กลับกันพอมาเป็นพยาบาลแล้วก็ต้องอดทนกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ทั้งเพื่อนร่วมงานและคนไข้ ที่เราไม่รู้อารมณ์ของเขาในแต่ละคนแต่ละวันว่าจะมาในรูปแบบไหนบ้าง แต่เราเป็นพยาบาลก็ต้องอดทนรับมือยิ้มสู้เข้าไว้ รวมถึงต้องอดทนกับการเข้าเวรที่ต้องอยู่เวรดึกบ้างเวรเช้าบ้าง พักผ่อนไม่เต็มที่บ้าง แต่เราจะท้อไม่ได้ต้องอดทนเป็นผู้ใหญ่ให้มากขึ้นในทุกๆ วัน

สุดท้ายนี้ “บัวริมบึง ก่อเกียรติยิม” ฝากถึงน้องๆ เยาวชนที่สนใจอยากลองเล่นกีฬามวยว่า “สำหรับเด็กไทยเราไม่จำเป็นว่าต้องไปเรียนรู้เพื่อไปชกเป็นอาชีพ แต่อย่างน้อยเราควรเรียนรู้การออกกำลังกาย ป้องกันตัวเองได้ อย่างน้อยก็รู้ว่า หมัดเป็นยังไง เข่าเป็นยังไง ศอกเป็นยังไง ไม่จำเป็นต้องไปต่อสู้กับคนอื่น แต่เพื่อให้เรามีทักษะการออกกำลังกาย มีทักษะในการป้องกันตัวการต่อสู้เวลาเจอเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา อย่างน้อยเราก็สามารถเอาตัวรอดจากภัยอันตรายได้ แต่หากใครที่อยากชกเป็นอาชีพ ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะตัว กีฬามวยก็ให้ทุกอย่างทั้งชื่อเสียง และอาชีพ มีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัวได้ หากน้องๆ คนไหนสนใจหรือกำลังเดินตามความฝันอยู่ ก็ขอให้ตั้งใจฝึกซ้อม มุ่งมั่นเต็มและเดี๋ยวโอกาสจะตามมาเอง”

 

 

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image