นานาทรรศนะ 4 กูรูบอลไทยมอง ‘ช้างศึก’ เวอร์ชั่น ‘มาโน่’ ถึงบัลลังก์เจ้าอาเซียนหรือไม่ ?

นานาทรรศนะ 4 กูรูบอลไทยมอง ‘ช้างศึก’ เวอร์ชั่น ‘มาโน่’ ถึงบัลลังก์เจ้าอาเซียนหรือไม่ ?

 

เหลืออีกวันเดียวเท่านั้น การแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่สุดในภูมิภาคอาเซียนอย่าง “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” จะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยครั้งนี้ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย มีภารกิจใหญ่ในการกอบกู้ศักดิ์ศรีเจ้าลูกหนังอาเซียน กลับมาเรียกศรัทธาแฟนบอลอีกครั้ง

 

Advertisement

 

ซึ่งทีมลูกหนัง “ช้างศึก” มีคิวลงฟาดแข้งนัดแรกพบกับ ติมอร์ เลสเต ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ เวลา 16.30 น. ที่สิงคโปร์ สเตเดี้ยม ประเทศสิงคโปร์

 

Advertisement

 

แผนกข่าวกีฬา “มติชน” สอบถามไปยัง 4 กูรูลูกหนังไทยชื่อดัง ประกอบด้วย “อ.หรั่ง” นายชาญวิทย์ ผลชีวิน, “โค้ชเฮง” นายวิทยา เลาหกุล, “เดอะตุ๊ก” นาวาอากาศเอก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน และ “โค้ชเตี้ย” นายสะสม พบประเสริฐ เกี่ยวกับทรรศนะที่มีถึงทีม “ช้างศึก” ก่อนเริ่มภารกิจสำคัญ

 

ลองไปฟังความคิดเห็นของทั้ง 4 กูรูฟุตบอลไทยกันนับจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป…

 

 

 

“อาจารย์หรั่ง” นายชาญวิทย์ ผลชีวิน อดีตผู้จัดการทีมทีมชาติไทย ระหว่างปี 2005-2008 ได้พูดถึงช้างศึกชุดนี้ผ่านมุมมองของตัวเองไว้ว่า ในการแข่งขันระดับอาเซียนมีอยู่คำตอบเดียวคือ ต้องแชมป์เท่านั้น แต่ก็ยอมรับว่าการที่ทีมชาติไทยฟอร์มดร็อปลงช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ทำให้คู่ต่อสู้มีความมั่นใจสูงขึ้นมาก โดยทีมที่ท็อปฟอร์มที่สุดคงจะหนีไม่พ้นเวียดนาม เพราะว่าได้เป็นตัวแทนไปแข่งฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชียมา รองลงมาก็เป็น มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ แม้กระทั่งฟิลิปปินส์ แต่ยังมั่นใจว่าถ้าเราได้ทีมที่ดีที่สุดไปทำการแข่งขัน และโค้ชคนปัจจุบันอย่าง มาโน่ โพลกิ้ง เลือกแล้วที่เหลือก็ขึ้นอยู่ที่จังหวะ และโอกาสในสนาม

“อาจารย์หรั่ง” กล่าวต่อว่า รอบแบ่งกลุ่มสายเราถือว่าไม่แข็งมาก ถ้าหากให้ฟันธงคงจะเป็นไทย และสิงคโปร์ ที่ผ่านเข้ารอบต่อไป ซึ่งตนยังค่อนข้างมั่นใจมากว่าทีมชาติไทยจะเป็นแชมป์ในปีนี้ ถ้าหากเราไม่เจอกับเวียดนามในรอบรองชนะเลิศเสียก่อน ซึ่งสุดท้ายยังเชื่อว่าทีมชาติไทยจะเข้าไปชิงชนะเลิศกับทีมชาติเวียดนาม ส่วนเรื่องของแทคติกการเล่นของทีมช้างศึกนั้น ส่วนตัวยังมองไม่ออกว่า มาโน่ จะทำทีมชาติไทยออกมาสไตล์ไหน เพราะเท่าที่ดูจากการคุมสโมสรในไทยลีกมาก็มีรูปแบบการเล่นที่ไม่ชัดเจน และมองว่าโลกฟุตบอลสมัยใหม่ต้องเน้นความยืดหยุ่นเป็นหลัก

“นักเตะที่จะขึ้นมาเป็นดาวเด่นในทีมชุดนี้ ผมเชื่อว่าเดี๋ยวสถานการณ์จะสร้างวีรบุรุษเอง” นายชาญวิทย์กล่าว
“อาจารย์หรั่ง” ยังได้ส่งกำลังให้กับนักเตะทีมชาติไทยโดยกล่าวปิดท้ายว่า “เอาศักดิ์ศรีแชมป์อาเซียนของพวกเรากลับมาให้ได้ แล้วก็ฝากส่งกำลังใจให้นักเตะทุกๆ คน ผมก็เชียร์ทุกนัดไม่ว่าทีมชาติไทยจะเล่นสไตล์แบบไหน ใครคุมผมก็เชียร์ทุกนัด ผมสนับสนุนและอวยพรให้ประสบความสำเร็จ และนำแชมป์กลับมาให้จงได้” โค้ชหรั่งกล่าว

 

 

 

“โค้ชเฮง” นายวิทยา เลาหกุล อดีตมิดฟิลด์ทีมช้างศึก และอดีตกุนซือทีมชาติไทย กล่าวว่า ฟุตบอลมันมีทั้งเกมรุก และเกมรับ ถ้าอยากชนะก็ต้องเล่นเกมรุก แต่หากอยากได้แชมป์ก็ต้องเล่นเกมรับ เพราะฉะนั้นทีมชุดนี้ต้องสร้างความสมดุลทั้งเกมรุก และเกมรับ ซึ่งยุทธวิธีตรงนี้มันใช้เวลาทำความเข้าใจไม่เกิน 2 นาที ก็อยู่ที่ว่าขีดความสามารถ ความเข้าใจเกมของผู้เล่นแต่ละคนมากน้อยแค่ไหน โค้ชมาโน่ เขาถนัดเกมรุกอยู่แล้ว แต่ก็ต้องสร้างความสมดุลในเรื่องของจังหวะเปลี่ยนจากรุกเป็นรับให้ควบคู่กันไป ด้วยสไตล์ของมาโน่คือจะเล่นบอลฉวยโอกาส เล่นเกมโต้กลับได้ดี โดยเฉพาะลูกตั้งเตะ แต่หากเล่นเกมรุกแล้วไม่มีเป้าหมาย มันจะกลายเป็นเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้โต้กลับได้ ซึ่งในจุดนี้ทุกๆ ทีมที่เจอกับเราจะรู้จุดอ่อน และทำการบ้านกันมาเป็นอย่างดี ก็ยังเป็นห่วงในจุดนี้อยู่ เวลาเติมเกมรุกแล้วจะทำยังไงไม่ให้คู่ต่อสู้โต้กลับได้เร็ว ซึ่งตรงนี้มันอยู่ที่ความเข้าใจ และวินัยของผู้เล่นในสนาม

“แน่นอนว่าด้วยระบบฟุตบอลบ้านเรามันเป็นระบบที่ต่างคนต่างฝึก ต่างคนต่างเล่น ต่างระบบ ต่างสไตล์ ซึ่งมันไม่ได้ฝึกซ้อมกันมาตั้งแต่เด็กๆ ยกตัวอย่าง ญี่ปุ่น หรือเกาหลี ที่เขาจะมีชุด 14 ปี, 16 ปี, 18 ปี, 19 ปี และ21 ปี ที่ลงซ้อมกันเดือนละหนึ่งสัปดาห์เพื่อความต่อเนื่องเวลาไปแข่งในนามทีมชาติ แต่บ้านเรายังไม่มีฐานในตรงนี้ เวลาเราไปแข่งทีมชาติแต่ละที ก็จะมีปัญหาในเรื่องของเวลารวมตัวน้อย จริงๆ แล้วมันเป็นข้อแก้ตัวมากกว่า ปัญหาในเรื่องความเข้าใจของผู้เล่น เวลาของการฝึกซ้อม ไม่ว่าจะเป็นทางทฤษฎี หรือปฏิบัติ เราจะต้องแน่ใจว่าผู้เล่นมีความเข้าใจเกมด้วย” โค้ชเฮงกล่าว

“โค้ชเฮง” กล่าวต่อว่า ผู้เล่นที่คิดว่าจะโชว์ฟอร์มได้ดีในรายการนี้ส่วนตัวมองว่าเป็น “และห์” กฤษดา กาแมน มิดฟิลด์ห้องเครื่องจากชลบุรี เอฟซี หากมีโอกาสได้ลงสนาม เพราะเขาเป็นผู้เล่นที่สร้างความแตกต่างให้กับทีมได้ในแดนกลาง เชื่อว่าขึ้นอยู่ที่แดนกลางด้วยกับจังหวะทำประตู ส่วนผู้เล่นแผงมิดฟิลด์ของเราที่ติดไปก็เป็นผู้เล่นที่ดีมีคุณภาพกันทุกคน แต่ก็อยากให้จับตามอง สิงคโปร์ ให้ดีในรอบแบ่งกลุ่มเพราะเขาเป็นทีมที่อันตราย มีตัวผู้เล่นที่ทักษะสูงหลายคน และประมาทไม่ได้สำหรับเรา หากทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ก็คงจะไม่พ้นที่ต้องเจอกับ มาเลเซีย หรือเวียดนาม ซึ่งทั้ง 2 ทีมเราต้องเอาชนะให้ได้

“ผมอยากให้ทุกคนในทีมช้างศึกชุดนี้นำสติ และสมาธิลงไปเล่น ผมเชื่อมั่นเลยว่าถ้าทุกคนเอาสองอย่างนี้ลงไป พวกแทคติคต่างๆ ที่โค้ชสอนเข้าไปมันก็จะติดตามเราไปด้วย ซึ่งตรงนี้ ทุกคนต้องมีวินัย และเล่นตามแผน หรือยุทธวิธีแทคติคของโค้ช ซึ่งผมเคยบอกแล้วว่า มาโน่ แม้จะไม่เคยประสบความสำเร็จในนามสโมสร แต่มีโอกาสได้ทำทีมชาติ เขาอาจจะเหมาะกับทีมชาติไทยก็ได้ ด้วยสไตล์การเล่น และคุณภาพผู้เล่นด้วย” นายวิทยากล่าว

 

 

“เดอะตุ๊ก” นาวาอากาศเอกปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตตำนานกองหน้าทีมชาติไทย กล่าวว่า ช้างศึกชุดนี้เป็นชุดที่ดีที่สุดในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านมา เพราะว่าผู้เล่นค่อนข้างสมบูรณ์ในทุกตำแหน่ง ส่วนสไตล์การเล่นก็อยู่ที่ มาโน่ โพลกิ้ง เองว่าต้องการอยากให้ทีมเล่นแบบไหน แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่มีนักเตะคุณภาพดีๆ อยู่ในทีมทุกตำแหน่ง ส่วนตัวคิดว่ามีโอกาสที่ผู้เล่นหลายคนอาจจะขึ้นมาเป็นดาวเด่นแจ้งเกิดในศึกซูซูกิ คัพ ครั้งนี้ได้หลายคนขึ้นอยู่กับว่านักเตะเหล่านั้นจะรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองได้หรือไม่ไม่ว่าจะเป็น “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา หรือ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ส่วนดาวรุ่งที่ขึ้นมาใหม่อย่าง “กัน” ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร, “ยิม” วรชิต กนิตศรีบําเพ็ญ และ”อาร์ม” ศุภชัย ใจเด็ด ที่ฟอร์มการเล่นกลับมาแล้วในทิศทางที่ค่อนข้างดี ก็มีโอกาสที่จะขึ้นมาเป็นดาวเด่นได้เช่นกัน

“จุดแข็งของทีมช้างศึกชุดนี้ แน่นอนว่าเรามีตัวผู้เล่นที่ครบครัน ส่วนจุดอ่อน เรายังไม่ได้เห็นทีมชุดนี้ลงสนามเลยไม่รู้ว่าจุดอ่อนจะมีในตำแหน่งไหนบ้าง อย่างคู่เซนเตอร์จะเอาใครลง หรืออย่างตำแหน่งแบ๊กซ้าย แน่นอนว่านัดแรก สุริยาจะได้ลงประจำการก่อน แต่นัดที่สองก็จะได้เจ้าอุ้ม (ธีราทร บุญมาทัน) กลับมาเสริมความแข็งแกร่ง ก็เลยยังไม่เห็นจุดเปราะบางมาก เพราะทีมยังไม่ได้ลงแข่นขัน เลยยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจุดอ่อนของทีมคืออะไร แต่จุดแข็งค่อนข้างชัดเจนในเรื่องการรวมทีม ความสามัคคี ผู้เล่นมีคุณภาพ ความฟิต และความสมบูรณ์แบบ อันนี้เป็นจุดแข็งของทีมชุดนี้เลย ส่วนจุดอ่อนตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ ก็คงต้องรอการแข่งขันเริ่มก่อน” เดอะตุ๊กกล่าว

“เดอะตุ๊ก” กล่าวเพิ่มว่า ความคาดหวังที่มีต่อทีมช้างศึกชุดนี้คิดว่าปีนี้เรามีโอกาสที่จะทวงบัลลังก์แชมป์คืน ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการที่มีโค้ชที่ดี การได้รับสนับสนุนที่ดี มันต้องเป็นแชมป์สถานเดียวเท่านั้น คงไม่มีคำอื่นนอกจากคำว่าต้องเป็นแชมป์ ต้องบอกก่อนเลยว่าในสายของเรา ไม่ได้มีคู่แข่งที่น่าหนักใจแม้แต่ทีมเดียว ไม่ว่าจะเป็นพม่า หรือว่าจะเป็นเจ้าภาพอย่าง สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, ติมอร์ฯ แต่จะไปหนักใจในรอบรองชนะเลิศว่าจะไปเจอใครเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเวียดนาม, มาเลเซีย หรือว่าจะเป็นอินโดนีเซีย ตรงนั้นก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้ อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นว่าทีมชาติไทยน่าจะเป็นอันดับหนึ่งของสายได้
ปิยะพงษ์ ยังได้ส่งกำลังให้กับนักเตะทีมชาติไทยโดยกล่าวปิดท้ายว่า “แน่นอนว่าทุกคนเสียสละไปทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติอยู่แล้ว ผมก็จะคอยเชียร์และเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนทำผลงานออกมาอย่างดีเยี่ยม และนำพาความสำเร็จมาให้ทีมชาติไทย เพราะแฟนบอลทุกคนต่างก็คอยเฝ้าดูความสำเร็จของทีมชาติไทยกันอยู่แล้ว”

 

 

 

“โค้ชเตี้ย” นายสะสม พบประเสริฐ อดีตห้องเครื่องทีมชาติไทยและกุนซือฝีปากกล้า กล่าวว่า รูปแบบการเล่นของทีมชาติไทย คงต้องเป็นมุมมองของโค้ชมาโน่มากกว่าที่จะต้องครีเอทแผนการเล่นออกมา ตัวเองอาจตอบไม่ได้ในมุมนี้ หรืออาจจะได้เห็นรูปแบบการบุกแบบบ้าระห่ำเหมือนสมัยคุม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่เน้นเกมบุกเป็นหลัก โดยมีมิดฟิลด์ตัวรับ 2 คน ก็เป็นไปได้ จุดอ่อนของทีมช้างศึกตอนนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของการรวมทีม ที่เวลาน้อยแต่เขาก็ทดแทนในส่วนนี้ด้วยการเอากลุ่มผู้เล่นที่เคยเล่นด้วยกันมาตลอดอยู่ในรายชื่อ 30 คน หวังว่าฟุตบอลที่มีจินตนาการร่วมกันน่าจะเวิร์ก ก็ต้องใช้เรื่องของประสบการณ์ ความเป็นอยู่ที่เคยอยู่ด้วยกัน แล้วก็เป็นเรื่องของความสัมพันธ์มากกว่า อย่างอื่นก็ต้องไปปรับเกมต่อเกม

“โค้ชเตี้ย” กล่าวเพิ่มว่า ส่วนแข้งที่น่าจะโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นในทัวร์นาเมนต์นี้ คงจะเป็นพวกบรรดาแข้งดาวรุ่ง แต่จะได้ลงสนามหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง อย่างถ้าไปแล้วได้เล่นก็คิดว่าน่าจะโชว์ฟอร์มได้ดี แต่ถ้าไปแล้วไม่ได้ลงเล่นก็ไม่มีประโยชน์ อย่างในเกมแรกที่จะเจอกับ ติมอร์ เลสเต คิดว่ามาโน่ คงจะให้โอกาสกับนักเตะหลายๆ คนได้ลงพิสูจน์ตัวเองในเกมนัดนี้ว่าจะสามารถเล่นได้หรือไม่

“ทีมชาติไทยตอนนี้เหนือกว่าอยู่แล้ว โดยเฉพาะชื่อชั้นของนักเตะ คลาสบอลอะไรของเรามันเหนือกว่าทุกทีมอยู่แล้วในอาเซียน แต่อย่าลืมว่าเราจะต้องเจอกับ ฟิลิปปินส์ ที่เขาล้างเครื่องใหม่ยกชุดมันก็ไม่แน่ โดยเฉพาะนักเตะของเขาที่ค้าแข้งอยู่ในต่างประเทศก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งเกมที่หนัก และประมาทไม่ได้เด็ดขาด ส่วนเวียดนาม เขาก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวมองว่า ฟิลิปปินส์ ก็เป็นอีกทีมที่น่าจะเป็นม้ามืดในครั้งนี้ ขอให้นักเตะทุกคนที่เป็นตัวแทนประเทศไทย เล่นโดยความใจเย็น และใช้ประสบการณ์ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา เรื่องของอารมณ์เรื่องของความรับผิดชอบที่จะต้องแบกรับไว้ก็ขอให้เอาออกไปก่อน ถ้าเอาออกไปได้มันก็จะสบายและเล่นง่ายขึ้น” โค้ชเตี้ยกล่าว

แฟนบอลไทยอย่าลืมส่งกำลังใจเชียร์ขุนพลนักเตะ “ช้างศึก” กับภารกิจทวงบัลลังก์เจ้าอาเซียน โดยสามารถติดตามรับชมส่งกำลังใจให้กับนักกีฬาถึงประเทศสิงคโปร์ผ่านการถ่ายทอดสดที่สถานีโทรทัศน์สีทองทัพบกช่อง 7 เอชดี ช่อง 35

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image