สิ่งที่ได้เห็นจากเกม ‘ช้างศึก’ ขย่ม ‘เวียดนาม’ 2-0 ตัดเชือกนัดแรก ‘ซูซูกิ คัพ’

สิ่งที่ได้เห็นจากเกม ‘ช้างศึก’ ขย่ม ‘เวียดนาม’ 2-0 ตัดเชือกนัดแรก ‘ซูซูกิ คัพ’

 

 

เกมรอบรองชนะเลิศ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 นัดแรกจบลงที่ “ทัพช้างศึก” ทีมชาติไทย เอาชนะ “ทัพดาวทอง” ทีมชาติเวียดนาม ไปด้วยสกอร์ 2-0 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ท่ามกลางประเด็นร้อนหลังเกมดังนี้

ความดุเดือดของเกม

Advertisement

ผู้เล่นเวียดนามเข้าปะทะหนักหน่วง ถึงลูกถึงคน มีแถมตลอดทั้งเกม จังหวะ 50-50 ผู้เล่นเวียดนามก็เข้าแบบยั้ง ตั้งแต่นาทีแรกยันนาทีสุดท้าย เวียดนามถูกเป่าฟาวล์ไป 21 ครั้งในเกมนี้ นักเตะไทยวันนี้ น่วมหลายคนโดยเฉพาะ “เจ้าเช็ก” สุภโชค สารชาติ และ “เมสซี่ เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่โดนเข้าสกัดอย่างหนักหน่วง มีช่วงเจ็บต้องออกไปปฐมพยาบาลกันอยู่พักหนึ่ง
ขณะที่หลังเกมเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อ ปาร์ค ฮังซอ กุนซือเวียดนาม ตบะแตกปรี่เข้าไปจะเอาเรื่องนักเตะไทย จนสต๊าฟทั้ง 2 ทีมต้องห้ามทัพกันยกใหญ่

 

ความผิดพลาดส่วนบุคคล นำมาสู่จุดเปลี่ยนของเกม

Advertisement

ประตูแรกของเกมเกิดจากความผิดพลาดของ ออง ดุย กองหลังผู้เล่นเวียดนาม ที่พยายามจะพลิกตัวสกัดบอล จากลูกจ่ายของธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร แต่พลาดท่าลื่น บอลไหนผ่านตัว และเป็น เจ ชนาธิปหลุดเข้าไปดวลกับผู้รักษาประตู ก่อนจะชิงจังหวะทำประตูให้ไทยขึ้นนำ นี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนของเกมอย่างแท้จริง เพราะไม่อย่างนั้น ผลการแข่งขันอาจจะออกมาอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะครึ่งหลังเวียดนามเรียกได้ว่า “พับสนามบุก”

เมสซี่ เจ โชว์คลาส

เมสซี่ เจ ยิง 2 ลูก สำคัญช่วยให้ทัพ “ช้างศึก” ยัดเยียดความปราชัยนักแรกให้กับเวียดนามในยุคของ ปาร์ค ฮังซอ และตอบโต้เกรียนคีย์บอร์ดเวียดนาม ที่ก่อนหน้านี้มีแฟนบอลเหวียนออกมาวิจารณ์ฟอร์มการเล่นของชนาธิป ว่าฟอร์มตก หลังสถิติส่วนตัวกับทีมคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ลดลง ส่วนลูกที่สองต้องบอกเลยว่าสุดยอดมากๆ เป็นการต่อบอล 3-4 จังหวะ ก่อนหลุดเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตูเวียดนาม ก่อนที่จะยิงแบบไม่จับ ส่งไทยขึ้นนำเวียดนาม 2-0 ประตูนี้มีสิทธิ์เป็นประตูยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ได้เลย เสียดายที่เจ้าเจ ไม่สามารถกดแฮตทริคได้ ดันไปพลาดโทษช่วงท้ายเกม ส่วนลีลาต้องบอกว่าเล็กพริกขี้หนู มีส่วนร่วมกับเกมเยอะมาก, ครองบอลเหนียว, ไปกับบอลได้ดี, จ่ายบอลแม่น และที่สำคัญทำให้เพื่อนร่วมทีมเล่นง่าย

 

การเข้าทำของทีมชาติไทย

ทีมชาติไทยหาโอกาสเข้าทำน้อยมาก ถ้าเทียบกับ 4 เกมแรกที่ผ่านมา โดยวันนี้มีโอกาสส่องแค่ 6 ครั้ง เข้ากรอบแค่ 3 หน ถึงแม้ว่าโอกาสเข้าไปทำประตูจะน้อย แต่ก็ถือว่าแต่ละการบุกขึ้นไปที่หลุดเข้าไปได้ลุ้นทุกรอบ รูปเกมโดยรวมดูจะขัดกับสไตล์บอลบุกหน้าเดียวของ “มาโน่ โพลกิ้ง” ส่วนหนึ่งก็ต้องให้เครดิตขู่แข่งที่แทบจะไม่ปล่อยโอกาสให้ทีมชาติไทยเข้ามาบริเวณกรอบเขตโทษมากนัก

วันที่เวียดนามดวงกุด!

เวียดนามมีโอกาส 3 ครั้งที่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้เลย จังหวะแรกที่ เหวียน กวง ไฮ ยิงฟรีคิกพุ่งชนเสาเต็มๆ อีกจังหวะหนึ่งก็เป็น กวง ไฮ คนเดิม ยิงบริเวณหน้าหัวกระโหลก บอลไปชนคาน และอีกจังหวะหนึ่ง เบอร์ 19 กวงไฮ คนเดิม ที่จ่ายทะลุช่องให้ ฟาน วาน ดุก หลุดเข้าไปดวลกับ ฉัตรชัย บุตรพรหม แต่โชคร้ายตวัดยิงด้วยเท้าซ้ายบอลหลุดเสาสองออกไปนิดเดียว

 

 

 

ฉัตรชัย นอยเออร์

ฉัตรชัย บุตรพรหม วันนี้มีลูกเหว๋อเยอะมากกว่าจังหวะเซฟ โดยเฉพาะจังหวะที่พยายามออกมาตัดบอลนอกกรอบสไตล์การเล่นพยายามลอกเลียนแบบ มานูเอล นอยเออร์ โคตรนายทวารของทีม “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก แต่ทำได้แค่ของก็อปเกรด A โดน แข้งเวียดนามกระชากบอลหนีจนต้องดึงเรียกฟาวล์ หยุดเกมเอาไว้ก่อน โชคดีที่จังหวะนี้ไม่ได้เป็นใบแดง ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมากๆ และเจ้าตัวก็โดนวิจารณ์อย่างหนักหลังจบเกมเช่นกัน

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image