นับถอยหลัง ‘ชบาแก้ว’ โม่แข้งศึกเอเชียล่าตั๋วลุยบอลโลกสมัยที่ 3

นับถอยหลัง ‘ชบาแก้ว’ โม่แข้งศึกเอเชียล่าตั๋วลุยบอลโลกสมัยที่ 3

 

 

 

ทัพ “ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย เตรียมที่จะลงโม่แข้งในศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2022 รอบสุดท้าย หรือ “AFC WOMEN’S ASIAN CUP 2022” ที่ประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 20 มกราคม – 6 กุมภาพันธ์ เพื่อลุ้นแย่งชิงตั๋วไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ที่ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ปี 2023

Advertisement

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ศึกฟุตบอลโลก 2023 ที่เตรียมระเบิดแข้งในปีหน้านั้น ทีมจากฝั่งทวีปเอเชียจะมีสิทธิได้ตั๋วไปลุยรอบสุดท้ายทั้งหมด 5+1 ทีม โดยมีออสเตรเลียที่เข้าไปเล่นแบบอัตโนมัติ ในฐานะเจ้าภาพร่วมกับนิวซีแลนด์ ซึ่งนั่นหมายความว่าโควต้าอีก 5 ทีมที่เหลือ จะเป็นการแย่งชิงกันของ 12 ทีมที่ผ่านเข้ามาแข่งขันในรอบนี้

 

Advertisement

 

สำหรับทัพนักเตะชบาแก้วแล้ว ภารกิจลุ้นตั๋วเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 3 ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายเอามากๆ หลังจากเคยไปบรรเลงเพลงแข้งกันมาแล้วถึง 2 ครั้งติดในปี 2015 ที่ประเทศแคนนาดา และปี 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส

แน่นอนว่าเหล่าแฟนบอลไทยหลายคน ต่างพากันคาดหวังกันเป็นอย่างมากที่อยากจะเห็นธงชาติไทยไปโบกสะบัด อยู่บนเวทีระดับโลกอีกครั้ง…

หากมองภาพรวมของทัพชบาแก้วชุดนี้ ภายใต้การทำทีมของ มิโยะ โอกาโมโตะ กุนซือหญิงชาวญี่ปุ่นที่พกดีกรีระดับ เจเอฟเอ เอส ไลเซนส์ ติดตัวมา

 

 

 

แฟนบอลอย่างเราๆ น่าจะได้เห็นทัพชบาแก้ว ในโฉมใหม่ก็เป็นได้ โดยเฉพาะรูปแบบการเล่น หรือจังหวะเพรสซิ่ง การเข้าทำต่างๆ ที่จะเข้มข้นขึ้นตามแบบฉบับญี่ปุ่นขนาดแท้ จากฝีมือของมิโยะ

อีกทั้งแข้งสาวไทยชุดนี้ หลังจากประกาศรายชื่อขุนพลทั้ง 23 คนออกมาแล้ว ยังคงหลงเหลือผู้เล่นประสบการณ์สูงที่ผ่านการฟาดแข้งในศึกฟุตบอลโลก 2019 ที่ฝรั่งเศส เกือบยกทีมไล่ตั้งแต่ วราภรณ์ บุญสิงห์ และดารุณี สอนเผ่า 2 ผู้รักษาประตูจอมหนึบที่ไว้ใจได้

แผงแนวรับก็ยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้ง “แป๋ว” วารุณี เพ็ชรวิเศษ, “ปุ๋ย” พิสมัย สอนไสย์, “แนนซี่” สุนิสา สร้างไธสง รวมถึง พรพิรุณ พิลาวัน, กาญจนาพร แสนคุณ

 

แดนกลางยังคงมี “ปิ่น” พิกุล เขื่อนเพ็ชร, “แม้ว” วิลัยพร บุตรด้วง และ “หมิว” ศิลาวรรณ อินต๊ะมี คอยบัญชาเกมแดนกลางพร้อมกับสร้างสรรค์เกมรุกป้อนให้กับ “มิรันด้า” สุชาวดี นิลธำรงค์ และ “ไหม” ธนีกานต์ แดงดา ลุ้นทำประตู

แต่ตัวหลักที่ขาดหายไปในแดนหน้าและเป็นตัวจบสกอร์ตัวเก่งของทีมชบาแก้วก็คือ “เนตร” กาญจนา สังข์เงิน ที่เลิกเล่นไปหลังจบฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 ที่ฝรั่งเศส

 

 

อีกทั้งยังมีเหล่าแข้งยังบลัดอนาคตไกลอีกหลายคนที่ถูกเรียกตัว เข้ามาผสานงานร่วมกับรุ่นพี่ทั้ง โชติมณี ทองมงคล, อุไรพร ยงกุล, จารุวรรณ ไชยรักษ์ และอมรรัตน์ อุดไชย ที่พร้อมจะขึ้นมาแทนที่ในอนาคต

หากกางดูรายชื่อเพื่อนร่วมกลุ่มบี ที่ทัพชบาแก้วจะต้องลงฟาดฟันด้วยแล้วนั้น ถือว่าไม่หนักแต่ก็ไม่เบาทั้ง ออสเตรเลีย อันดับ 11 ของโลก, ฟิลิปปินส์ อันดับ 64 ของโลก และอินโดนีเซีย อันดับ 94 ของโลก

ถ้าไม่นับทัพ “จิงโจ้สาว” ที่ได้สิทธิ์เข้ารอบไปแบบอัตโนมัติในฐานะเจ้าภาพร่วมกับนิวซีแลนด์ไปแล้วนั้น

 

 

นักเตะแม่เนื้ออ่อนสาวไทยก็ดูมีโอกาสที่จะกรุยทางเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบไม่ยากเย็นเลยทีเดียว โดยเฉพาะแข้งสาวอิเหนา ที่เพิ่งผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก ยังดูขาดประสบการณ์ และความเก๋าเกมพอตัว ขณะที่ฟิลิปปินส์ ที่ขนแข้งจากต่างแดนมาช่วยทีมในครั้งนี้ ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของแข้ง “ชบาแก้ว”

อย่างไรก็ตามทีม “ชบาแก้ว” จะประมาทไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะแต่ละทีมจะต้องลงดวลในสนามนั้น ต่างมีอาวุธเด็ดที่น่าจับตามองจากเหล่าคีย์แมนคนคำสัญของทีมอยู่ทั้ง แซม เคอร์ ศูนย์หน้ากัปตันทีมออสเตรเลียวัย 28 ปี จากทีมฟุตบอลหญิงเชลซี

 

 

แซม เคอร์ คือ ผู้ทำประตูสูงสุดให้กับทัพจิ้งโจ้สาว ด้วยจำนวน 49 ประตู พร้อมทั้งผ่านการลงเล่นในศึกฟุตบอลโลกมาแล้วถึง 3 ครั้งในปี 2011, 2015 และ 2019 ด้วยฝีเท้าอันฉกาจของ แซม เคอร์ เป็นสิ่งที่แข้งสาวไทยจะต้องคอยระวังเป็นอย่างดีในการดวลกัน

 

 

 

ขณะที่ทีมแม่เนื้ออ่อนฟิลิปปินส์ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียวกับฝีเท้าของ ซาริน่า โบลเดน แข้งสาวลูกครึ่งสหรัฐฯ-ฟิลิปปินส์ วัย 25 ปี จากชิฟุเระ เอลเฟน ในลีกญี่ปุ่น ที่เป็นตัวอันตรายในแนวรุกของทีม โดยเฉพาะความรวดเร็ว แข็งแกร่ง และความสามารถเฉพาะตัวที่เหลือร้าย

 

ฝั่งอินโดนีเซีย ก็จะประมาท ซาห์รา มุสดาลิฟาห์ ไม่ได้เด็ดขาด เพราะเธอคือ กองหน้าดาวรุ่งวัย 20 ปี จากเปอร์ซิยา ปูตรี ในลีกอินโดฯ ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงในลีก และเป็นตัวคาดหวังที่แฟนบอลอิเหนาต่างฝากความหวังไว้ในทัวร์นาเมนต์นี้

ถ้าเรามองถึงเงื่อนไขในการลุ้นตั๋วไปเล่นฟุตบอลโลก 2023 ของทัพชบาแก้ว หากสามารถโชว์ฟอร์มจบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มบีได้ จะมีโอกาสเข้าไปเจอกับทีมอันดับ 2 ของกลุ่มซี ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย หรือรอบก่อนรองชนะเลิศ นั่นหมายความว่า เรามีโอกาสที่จะเจอกับทั้ง ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เวียดนาม และเมียนมา

 

 

แต่หากทีมชบาแก้วจบอันดับสอง 2 ของกลุ่มบี แข้งสาวไทยจะต้องเข้าไปเจอกับทีมแชมป์ของกลุ่มเอ โดยมีโอกาสสูงที่จะเป็นทัพสาวจากแดนมังกรจีน อย่างไรก็ตามหากทีมนักเตะสาวไทยผิดพลาดไปจบในอันดับ 3 ของกลุ่มบี ก็จะต้องเข้าไปเจอกับทีมอันดับ 1 ของกลุ่มซี ซึ่งมีโอกาสเป็นได้ทั้งญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้

นี่จึงเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญของ มิโยะ โอกาโมโตะ และบรรดานักเตะชบาแก้วอีก 23 คน ว่าจะทำภารกิจล่าตั๋วไปลุยฟุตบอลโลก 2023 ที่ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้สำเร็จหรือไม่…?

พวกเธอจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ไปเล่นฟุตบอลโลก 3 ครั้งติดต่อกันได้หรือไม่ โปรดติดตาม…

 

 

 

 

 

 

โปรแกรมการแข่งขันของฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ดังนี้

 

– วันที่ 21 มกราคม 2565 ตามเวลาไทย 19.00 น. ไทย พบ ฟิลิปปินส์ ณ สนาม ดีวาย พาทิล

– วันที่ 24 มกราคม 2565 ตามเวลาไทย 19.00 น. อินโดนีเซีย พบ ไทย ณ สนาม ดีวาย พาทิล

– วันที่ 27 มกราคม 2565 ตามเวลาไทย 21.00 น. ออสเตรเลีย พบ ไทย ณ สนาม มุมไบ ฟุตบอล อารีน่า

ทุกแมตช์การแข่งขันผู้ชมจากประเทศไทยสามารถรับชมฟรีผ่านทางแอพพลิเคชั่น ELEVEN SPORTS

 

 

 

เกร็ดน่ารู้

 

“ชบาแก้ว” เคยคว้ามาแล้ว 1 แชมป์เอเชีย กับ 2 รองแชมป์

 

ทีมฟุตบอลหญิงไทย เคยได้แชมป์ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย “เอเอฟซี วีเมนส์ เอเชี่ยนคัพ”มาแล้ว 1 ครั้ง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2526 / ค.ศ.1983 ที่สนามศุภชลาศัย โดยมี 6 ชาติเข้าร่วมฟาดแข้ง ประกอบด้วย ไทย, อินเดีย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง

ผลงานของทีมสาวไทย ชนะรวด 5 นัด ยิง 22 ประตู เสียไปเพียงประตูเดียว ซึ่งรอบชิงชนะเลิศ ทีมสาวไทยชุดนั้น ถล่มเอาชนะสาวแดนโรตีไป 3-0 ประตู

ขณะเดียวกันทีมนักเตะสาวไทยเคยคว้ารองแชมป์เอเชียอีก 3 ครั้ง

– ครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2518 / ค.ศ.1975 ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง รอบชิงชนะเลิศ สาวไทย แพ้ นิวซีแลนด์ 1-3

– ครั้งที่สอง ในปี พ.ศ.2520 / ค.ศ.1977 ที่ไต้หวัน รอบชิงชนะเลิศ สาวไทย แพ้ ไต้หวัน 0-1

– ครั้งที่สาม ในปี พ.ศ.2524 / ค.ศ.1981 ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง รอบชิงชนะเลิศ ทีมสาวไทย แพ้ ไต้หวัน 0-5 ประตู

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image