‘โชเซ่ มูรินโญ่’ ระเบิดเวลาที่คุ้นเคย ณ กรุงโรม
โชเซ่ มูรินโญ่ ยอดกุนซือชาวโปรตุกีสของ “หมาป่าแห่งกรุงโรม” โรม่า ถูกยกมาเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลอีกครั้ง หลังถูกแบนห้ามลงสนามคุมทีม 2 นัด เนื่องจากไม่พอใจกับคำตัดสินของกรรมการ ก่อนระบายอารมณ์ด้วยการเตะบอลขึ้นไปบนอัฒจันทร์ จนมีปากเสียงกับผู้ตัดสิน และในขณะเดียวกันมูรินโญ่ทำท่ายกหูโทรศัพท์ล้อเลียนผู้ตัดสิน จนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ในศึกกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี ที่โรม่าเสมอกับเวโรน่า 2-2
นอกจากประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ววันนี้ มูรินโญ่มักถูกสื่อโซเชียลยกประเด็นมาโจมตีบ่อยครั้งถึงแทคติกของทีมที่ค่อนข้างโบราณ เน้นผลการแข่งขันมากกว่าวิธีการเล่นที่เน้นความสวยงามของฟุตบอล พอขึ้นนำคู่แข่งแล้วมักจะให้ผู้เล่นไปช่วยกันเล่นเกมรับหน้ากรอบเขตโทษ หรือที่หลายคนเรียกแผนนี้ว่า “จอดรถบัส”
นอกจากนี้ยังมีปัญหาในการรับมือกับนักเตะดาวรุ่งสมัยใหม่ ตำหนินักเตะออกสื่ออยู่บ่อยครั้ง หรือปฏิบัติกับนักเตะที่ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมไม่ดีนัก เห็นได้ชัดสมัยคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นักเตะที่มีปัญหากับมูรินโญ่เห็นได้ตามหน้าสื่อได้บ่อยที่สุดก็คือ ปอล ป๊อกบา รองลงมาก็จะเป็น ลุก ชอว์, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, อองโตนี่ มาร์ซิยาล, เฮนริกห์ มาคิตาร์ยาน, ฟิล โจนส์ ส่วนคนอื่นๆ นอกเหนือจากทีมแมนฯ ยู ประกอบไปด้วย เอเดน อาซาร์, ซามูเล เอโต้, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ กับ เควิน เดอ บรอยน์ สมัยค้าแข้งให้กับเชลซี เปเป้ ที่รีล มาดริด, เดเล่ อัลลี และ ตองกี เอ็นดอมเบเล่ ที่สเปอร์ส
เจ้าของฉายาเดอะสเปเชี่ยลวัน เคยให้สัมภาษณ์ว่า การปรับตัวให้เข้ากับโลกฟุตบอลสมัยใหม่เป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะวิธีการทำงานร่วมกับนักเตะดาวรุ่ง ที่ยากขึ้นทุกวัน เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สมัย แฟรงก์ แลมพาร์ด เป็นดาวรุ่ง แลมพ์มีความเป็นมืออาชีพ เป็นผู้ใหญ่เกินวัย ทำงานหนัก พร้อมพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา กลับกันดาวรุ่งสมัยนี้เป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตเสียที
ในตอนนี้ก็เกิดการตั้งคำถามว่ามูรินโญ่จะเข้าสู่อีหรอบเดิมที่โรม่าหรือไม่ ที่เปิดตัวกับทีมใหม่ด้วยผลงานที่ต้องใช้คำว่าปัง แต่พอทำทีมไปเรื่อยๆ ผลงานของทีมก็เริ่มดร็อปลง มีปัญหาทั้งในและนอกสนาม รวมถึงมีปัญหากับนักเตะในทีม และถูกปลดออกจากำแหน่งในที่สุด
ฤดูกาลนี้กุนซือชาวโปรตุกีสออกสตาร์ตด้วยการชนะเกมลีก 3 นัดรวดเก็บ 9 แต้มเต็ม แต่ผลงาน 3 นัดหลังสุดในปัจจุบัน มูรินโญ่พาทีมเสมอมา 3 นัดติดต่อกันแล้ว เก็บได้แค่ 3 จาก 9 แต้มเต็ม ทำให้หล่นไปอยู่อันดับที่ 8 ของตาราง มีแต้มห่างจากพื้นที่ไปลุยศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้าถึง 6 แต้ม
มูรินโญ่เคยให้สัมภาษณ์ถึงลูกทีมหลังเกมที่พ่ายแพ้ให้กับยูเวนตุส 3-4 หลังจากเป็นฝ่ายนำไปก่อน 3-1 ว่า สภาพจิตใจของผู้เล่นอ่อนแอมากเกินไป และในศึกยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว นัดนั้นโรม่าแพ้ให้กับโบโด/กลิมต์ จากนอร์เวย์ ไปอย่างสุดช็อค 1-6 โดยมูรินโญ่บอกว่า ผู้เล่นตัวหลักของโบโด/กลิมต์ มีคุณภาพมากกว่าผู้เล่นตัวสำรองของโรม่าเสียอีก
แม้กระทั่งเกมที่แพ้อินเตอร์ มิลาน 0-2 ในศึกโคปา อิตาเลีย รอบ 8 ทีมสุดท้าย เดอะสเปเชี่ยลวันเข้ามาโวยวายใส่ลูกทีมในห้องแต่งตัวเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าแม้จะผ่านไปกี่ปีก็ตาม มูรินโญ่ก็ยังคงเป็นมูรินโญ่ที่ปฏิบัติเหมือนเดิม แม้จะกลับมาคุมทีมในลีกอิตาลีที่ชื่อเสียง, ฝีเท้าของนักเตะ และวิธีการเล่นไม่เข้มข้นเท่าพรีเมียร์ลีก แต่ผลงานก็กลับไม่ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น
หากไม่ปรับตัวให้เข้ากับโลกฟุตบอลสมัยใหม่ ชื่อของเดอะสเปเชี่ยลวันก็คงจะค่อยๆ เงียบหายไปเหมือนกับโค้ชระดับตำนานในยุคก่อนๆ ที่ยึดมั่นในแนวทางของตัวเองมากจนเกินไป จนลืมไปว่าแทคติกของตนเองถูกจับทางได้หมดแล้ว
สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต่างจากระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลัง เหมือนที่เคยเกิดมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ขึ้นอยู่ที่ว่ามันจะระเบิดเมื่อไรเท่านั้นเอง
