แฉไทยโดนเอเย่นต์ฟีฟ่าโก่งราคาลิขสิทธิ์บอลโลกแพงเพราะรู้ว่ามีกฏ ‘มัสต์แฮฟ’ เอาใจสายชอบดูฟรี

แฉไทยโดนเอเย่นต์ฟีฟ่าโก่งราคาลิขสิทธิ์บอลโลกแพงเพราะรู้ว่ามีกฏ ‘มัสต์แฮฟ’ เอาใจสายชอบดูฟรี

 

 

แฟนบอลไทยยังต้องลุ้นลิขสิทธิ์ฟุตบอล 2022 ยังไม่ได้ข้อสรุป กสทช.นัดอนัมัติงบฯ 9 พฤศจิกายน กรอบวงเงิน 1,600 ล้านบาท ที่ใช้ซื้อลิขสิทธิ์ ด้าน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เผยราคาข้อเสนอจากเอเยนต์ฟีฟ่าที่ได้รับมา ถือว่าค่อนข้างสูง และเวลานี้ยังมีการเจรจาต่อรอง เพื่อให้ประเทศไทยได้รับความยุติธรรมในเรื่องราคามากที่สุด ยันเดดไลน์การเจรจาซื้อสิทธิ์สามารถทำจนถึงก่อนเกมฟุตบอลโลก 2022 นัดเปิดสนามจะเริ่มขึ้น ในวันที่ 20 พฤศจิกายน

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยความคืบหน้า กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้กำชับ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. เร่งดำเนินการประสานงาน กสทช. ให้คนไทยได้ชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ประเทศกาตาร์ ซึ่งจะมีขึ้น ระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน- 18 ธันวาคมว่า ขณะนี้ สำนักงาน กสทช. ได้รับหนังสือชี้แจงการร้องของบประมาณจาก กกท. แล้ว ซึ่งสำนักงานกำลังพิจารณารายละเอียด เพื่อจัดทำวาระการประชุมเสนอให้ คณะกรรมการ กสทช. พิจารณาอนุมัติ หรือ ไม่อนุมัติ ในวันพุธ ที่ 9 พ.ย.นี้

Advertisement

ด้าน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเรื่องของความแน่ชัดการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 อาจต้องรอถึงสัปดาห์หน้า ซึ่งเราก็จะทราบว่างบที่มีการทำเอกสารเป็นกรอบวงเงิน 1,600 ล้านบาท จะได้อนุมัติหรือไม่ และจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งต้องยอมรับว่าการที่ทางเอเย่นต์ของฟีฟ่ารู้ว่าบ้านเรามีกฎ กติกา เรื่องลิขสิทธิ์แบบนี้ จึงเรียกราคามาค่อนข้างสูง จึงยังมีการเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม และต้องเป็นราคาที่ประเทศไทยไม่ถูกเอาเปรียบจนเกินไป

“ต้องยอมรับว่าค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก ถือเป็นรายการแข่งขันใหญ่ ดังนั้นมูลค่าจึงสูงกว่ารายการกีฬาใดๆ ซึ่งในการดำเนินการตอนนี้ เรายังมีการเจรจากับทางเอเยนต์ของฟีฟ่าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่วันที่ 9 พฤศจิกายน ก็จะได้ข้อสรุปในเรื่องขอกรอบวงเงินที่เราจะนำไปใช้ซื้อลิขสิทธิ์ว่าจะได้รับอนุมัติเป็นจำนวนเท่าใดจากกรอบที่มีการตั้งเอาไว้ มากน้อยเพียงพอที่้จะใช้ในการดำเนินการหรือไม่อย่างใด ส่วนภาคเอกชน เรายินดีหากจะเข้ามาร่วมสนับสนุนในการซื้อลิขสิทธิ์ ส่วนระยะเวลาในการดำเนินการ แม้ใกล้การแข่งขันเข้ามาแล้ว แต่เรายังมีเวลา ซึ่งเส้นตายในการดำเนินการเจรจาซื้อขายนั้นสามารถทำได้จนถึงก่อนการแข่งขันนัดเปิดสนามจะเริ่มขึ้นในวันที่ 20 พฤศจิกายน” ดร.ก้องศักด กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับประเทศไทยนั้น คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ออกกฏ “มัสต์แฮฟ” (Must Have) ระบุว่า 7 มหกรรมกีฬาที่คนไทยต้องดูฟรี ประกอบด้วย ซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, เอเชี่ยนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, พาราลิมปิกเกมส์ และฟุตบอลโลก ซึ่งกฎดังกล่าวทำให้ไม่มีภาคเอกชนกล้าลงทุนทำให้ทุกๆ วงรอบ 4 ปีรัฐบาลต้องหาเงินไปซื้อลิขสิทธิ์ให้คนไทยได้ดูของฟรี

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image