เชลซีที่เพิ่งคว้าแชมป์ฟุตบอล “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” ฤดูกาล 2016-17 ไปครองอย่างเป็นทางการ 3 วันก่อน จัดผู้เล่นสำรองลงเล่นเป็น 11 คนแรกเกือบทั้งหมด ยกเว้นเอเด็น อาซาร์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และเซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า เพราะยังมีอีกหนึ่งเกมสำคัญฟุตบอลถ้วยเอฟเอคัพ นัดชิงชนะเลิศกับอาร์เซน่อลรออยู่ สามารถเปิดบ้านเฉือนชนะวัตฟอร์ด 4-3 ในเกมลีกนัดรองสุดท้ายของฤดูกาล เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม
เกมดังกล่าวเป็นแมตช์ตกค้างนัดที่ 37 จากทั้งหมด 38 นัด ปรากฏว่า อันโตนิโอ คอนเต้ ที่คุมทีม “สิงห์บลู” เพียงปีแรก ส่งจอห์น เทอร์รี่ กองหลังกัปตันทีมวัยมากถึง 36 ปี ซึ่งอยู่กับเชลซีตั้งแต่ชุดเยาวชน แต่ไม่ได้เป็นตัวจริงในการทำทีมของคอนเต้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง และทำประตูเบิกร่อง 1-0 ในเกมนี้นาที 22 ทว่าเจ้าตัวก็โหม่งสกัดพลาดไปเข้าทางเอเตียง กาปู โขกตีเสมอ 1-1 ให้ “แตนอาละวาด” ใน 2 นาทีถัดมา
แม้เจ้าถิ่นจะหนีห่างเป็น 3-1 จากอัซปิลิกวยต้า นาที 36 และมิชชี่ บัตชัวยี่ ต้นครึ่งหลัง แต่ทีมเยือนก็ตามตีเสมอ 3-3 จากดาริล ยานมัต นาที 51 และสเตฟาโน่ โอกาก้า ตัวสำรองนาที 74 อย่างไรก็ตาม เชลซีได้ประตูชัย 4-3 ช่วง 2 นาทีสุดท้าย จากตัวสำรองเช่นกันอย่างเชสก์ ฟาเบรกาส แถมช่วงทดเวลาเจ็บ วัตฟอร์ดยังเหลือ 10 คน เมื่อเซบาสเตียน โพรเดิล โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดง
จบเกม เชลซี ชนะ วัตฟอร์ด 4-3 มีคะแนน 90 แต้มจาก 37 นัด ส่วนอีกฝ่ายมี 40 แต้มจากการแข่งเท่ากัน ยังอยู่อันดับ 16 จาก 20 ทีม สำหรับเกมลีกนัดสุดท้ายของทีมสิงห์บลูจะได้เล่นในสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์แห่งนี้ พบซันเดอร์แลนด์ที่ตกชั้นไปแล้ว วันที่ 21 พฤษภาคม และเล่นเกมชิงดำเอฟเอคัพกับแชมป์สูงสุดร่วม 12 สมัย “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม วันที่ 27 พฤษภาคม ซึ่งเป็นรายการที่พวกเขาเคยได้แชมป์ 7 สมัย และประสบความสำเร็จครั้งสุดท้าย 5 ปีก่อน
