เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมรับว่าหากนำผลงานการคุมทีม “เรือใบสีฟ้า” ของตัวเองที่พลาดแชมป์ทุกรายการในฤดูกาลนี้ ไปเป็นการคุมอดีตทีมเก่าอย่างบาร์เซโลน่า และบาเยิร์น มิวนิก ตนคงโดนไล่ออกจากตำแหน่งไปแล้ว หลังเป๊ปที่เพิ่งคุมแมนฯ ซิตี้ ฤดูกาลแรก แต่ใช้เงินซื้อนักเตะมากสุดในหนึ่งตลาดซื้อขายประวัติศาสตร์วงการลูกหนังโลกไม่ต่ำกว่า 160 ล้านปอนด์ (7,200 ล้านบาท / อัตรา 1 ปอนด์ 45 บาท)
เป๊ปในวัย 46 ปีที่เคยคุมอดีตทีมเก่าที่ตัวเองค้าแข้งตั้งแต่สมัยเป็นลูกหม้อสโมสรอย่าง “บาร์ซ่า” คว้าแชมป์รายการสำคัญถึง 14 ครั้งภายในเวลาแค่ 4 ปี ตามด้วยการพาทีม “เสือใต้” คว้าแชมป์อีก 7 ครั้งตลอด 3 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ แต่คุมแมนฯ ซิตี้ตกรอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพ อังกฤษ, ตกรอบ 4 ลีกคัพ อังกฤษ และตกรอบ 16 ทีมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลนี้กล่าวว่า
สมัยรับตำแหน่งกุนซือทีมฟุตบอลชุดใหญ่ครั้งแรกในชีวิตกับบาร์เซโลน่า ตัวเองกดดันอย่างหนักเพราะไม่มีชื่อเสียงในการคุมทีมค้ำหัวมาก่อน ซึ่งที่นั่นถ้าทีมไม่ได้แชมป์ภายใน 6 เดือนก็เตรียมตัวโดนไล่ออกได้เลย เพราะกับบาร์ซ่าหรือบาเยิร์น ทีมต้องเป็นแชมป์สถานเดียว ถ้าไม่ก็ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งการแก้ตัว แต่ที่แมนฯ ซิตี้ กลับให้โอกาสตนแก้ตัว และทุกคนในทีมจะพยายามให้ดีที่สุดในฤดูกาลหน้า
ส่วนความสำเร็จตลอด 7 ปีของเป๊ป แบ่งเป็น 4 ปีกับบาร์เซโลน่าดังนี้ ฤดูกาล 2008-09 แชมป์ลาลีก้า สเปน, แชมป์โกปาเดลเรย์ สเปน และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ฤดูกาล 2009-10 แชมป์ลาลีก้า สเปน, แชมป์สแปนิช ซุปเปอร์คัพ, แชมป์ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ และแชมป์ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ, ฤดูกาล 2010-11 แชมป์ลาลีก้า สเปน, แชมป์สแปนิช ซุปเปอร์คัพ และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ฤดูกาล 2011-12 แชมป์สแปนิช ซุปเปอร์คัพ, แชมป์โกปาเดลเรย์ สเปน, แชมป์ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ, แชมป์ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ
จากนั้น หลังพักการเป็นโค้ชฟุตบอล 1 ปี เป๊ปก็พาบาเยิร์นคว้าแชมป์ฤดูกาล 2013-14 กับแชมป์บุนเดสลีก้า เยอรมนี, แชมป์เดเอฟเบ โพคาล เยอรมนี, แชมป์ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ, แชมป์ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ, ฤดูกาล 2014-15 แชมป์บุนเดสลีก้า เยอรมนี, ฤดูกาล 2015-16 แชมป์บุนเดสลีก้า เยอรมนี และแชมป์เดเอฟเบ โพคาล เยอรมนี
