จัดเสวนายกระดับลูกหนังไทยสู่วิถีอาชีพ หวั่นฟองสบู่แตก-ชี้ทุกฝ่ายร่วมพัฒนาให้ยั่งยืน

มูลนิธิไทยคม ร่วมกับ อัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ จัดงานเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “วิถีอาชีพกับก้าวกระโดดที่สำคัญของฟุตบอลไทย โดยมีผู้เชี่ยวชาญในวงการฟุตบอลไทยเข้าร่วม ที่อาคารปิยะชาติ ชั้น 2 คณะเวชศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม

ดร.ทวีวัฒน์ ทวีผล ผู้จัดการทั่วไป อัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ กล่าวว่า วงการฟุตบอลไทยเติบโตขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่เมื่อปี 2009-2017 ซึ่งทั้งสโมสร และนักเตะต่างได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยในเรื่องงบการเงินของแต่ละสโมสรเป็นเรื่องสำคัญที่จะสอดคล้องกับเรื่องวิถีอาชีพ ทั้งเรื่องการจัดการ และปฏิบัติ เพื่อให้ฟุตบอลอาชีพเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งทุกสโมสรจำเป็นต้องแสดงงบดุลทางการเงินในแต่ละปี และจะต้องมีหน่วยงานกลางเข้ามาตรวจสอบ เพื่อให้แต่ละสโมสรให้ความสำคัญกับเรื่องการเงิน และไม่ให้เกิดภาวะฟองสบู่แตก นอกจากนี้ จะต้องมีการจัดการให้มีความเป็นอาชีพอย่างแท้จริง ทั้งสโมสร, บุคลากร, นักเตะ และสนามด้วย

นายสุรพล อุทินทุ ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอด 8-9 ปีที่ผ่านมาฟุตบอลไทยโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งมีผลกระทบทั้งข้อดีและข้อเสีย เมื่อก่อนสโมสรใช้งบทำทีมแค่หลักสิบล้าน แต่ปัจจุบันหลายทีมใช้หลักร้อยล้าน รวมทั้งน่าตกใจกับค่าเหนื่อยและค่าตัวนักเตะสูงมาก ขณะที่สปอนเซอร์ของฟุตบอลไทยมีเพียงไม่กี่เจ้า ทำให้เป็นเรื่องน่าห่วง เพราะฟุตบอลไทยโตเร็วมากเกินไปจนอาจฟองสบู่แตกแล้วใครจะเข้ามาเยียวยา ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องช่วยกันหาแนวทางวิธีบริหารจัดการให้เป็นอาชีพมากขึ้น เพื่อให้เติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน และก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางร่วมกัน

“โค้ชง้วน” นายสุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ผู้อำนวยการสโมสรบางกอกล๊าส กล่าวว่า การพัฒนาฟุตบอลไทยสู่วิถีอาชีพนั้น โค้ช และนักเตะจะต้องมีความเป็นอาชีพด้วย ทั้งเรื่องการเตรียมพร้อมร่างกาย การฝึกซ้อม การเรียนรู้ วินัย และความสม่ำเสมอถือเป็นสิ่งสำคัญกว่าความเก่งหรือไม่เก่ง อีกสิ่งสำคัญก็คือเรื่องสัญญา และเอเยนต์ที่นักเตะอาชีพก็ต้องให้ความสำคัญด้วย เพราะเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลอาชีพด้วยเช่นกัน

Advertisement

นายสมฤกษ์ อิศรางกูล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการช่องฟุตบอลสยามทีวี กล่าวว่า ฟุตบอลอาชีพจำเป็นจะต้องมีความมั่นคง และมีโครงสร้างที่เข้มแข็ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ได้ว่าอีก 10 ปีข้างหน้านักเตะจะยังคงมีสโมสรให้เล่นอยู่ ไม่ใช่ว่าบางสโมสรยังลังเลจนเลิกทำทีมไปกลางคัน ทำให้นักเตะไม่เกิดความมั่นคง ดังนั้นตอนนี้ยังเร็วไปที่จะบอกว่าฟุตบอลไทยเป็นอาชีพ ซึ่งทุกฝ่ายก็ต้องมาช่วยกันสร้างให้เกิดความมั่นคง และยั่งยืน

นายมนต์ขัย ศุขโข ผู้สื่อข่าวสยามกีฬา และฟุตบอลสยามรายวัน กล่าวว่า สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) วางแนวทางให้สโมสรฟุตบอลจะต้องมีคลับไลเซนซิ่ง เพื่อพัฒนาสู่อาชีพ ดังนั้น แต่ละสโมสรของไทยก็จะต้องนำวธีการปฏิบัติตามคลับไลเซนซิ่งมาปรับใช้ให้เกิดความถูกต้องตามมาตรฐานที่จะช่วยให้เกิดความเป็นอาชีพอย่างแท้จริง

นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวว่า ภาครัฐให้ความสำคัญกับการพัฒนากีฬาอาชีพด้วยการออกพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ.2556 ออกมาบังคับใช้เมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งตาม พ.ร.บ.จะมีการตรวจสุขภาพการเงินของสโมสรอาชีพ รวมทั้งกำหนดข้อบังคับ และบทลงโทษปรับ จำคุกเอาไว้ ซึ่งหลังจากนี้จะทยอยออกกฏหมายลูกมาบังคับใช้ ซึ่งจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น และจะมีส่วนช่วยให้เกิดความยั่งยืนในกีฬาอาชีพ และเกิดความมั่นคงกับนักกีฬาอาชีพอย่างแน่นอน

Advertisement

ภายในงานยังมีการแถลงข่าวโครงการ “ไทยคม ฟาวเดชั่น จูเนียร์ ฟุตบอล 2017” ซึ่งเป็นกิจกรรมการฝึกอบรมโค้ชขั้นพื้นฐานตามมาตรฐานเอเอฟซีในหลักสูตร T-Licence หลักสูตร Introductory รุ่น 12 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วันที่ 21-25 สิงหาคม, รุ่นที่ 13 ที่อัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ วันที่ 11-15 กันยายน และหลักสูตร Goal Keeper Coaching รุ่นที่ 1 ที่อัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ วันที่ 2-6 ตุลาคม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image