ภายหลังจากที่ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย สามารถเอาชนะ “โสมแดง” เกาหลีเหนือ 3-0 ในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 45 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม โดยจะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ เบลารุส ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้นั้น
มิโลวาน ราเยวัช เฮดโค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่า เกมวันนี้ไม่ใช่เกมที่ง่าย เพราะเกาหลีเหนือเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและเหนือกว่าทีมชาติไทยทั้งรูปร่างและสไตล์การเล่น ครึ่งแรกนั้นทีมโสมแดงวิ่งมากกว่าไทย และแสดงให้เห็นว่าต้องการเป็นผู้ชนะในเกมนี้
“ผมภูมิใจในตัวนักเตะไทยทุกคน ที่ทุ่มเทกับการเล่นอย่างเต็มที่ ซึ่งทุกคนเล่นได้ตามแผนที่วางเอาไว้ และพอใจกับผลการแข่งขันที่ออกมา ประตูแรกที่ได้ทำให้ครึ่งหลังเล่นได้ง่ายมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้คิดเอาไว้ว่าจะทำประตูได้มากขนาดนี้”
ราเยวัช กล่าวถึงนัดชิงชนะเลิศ กับเบลารุส ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ว่า ต้องรีบฟื้นฟูสภาร่างกายของนักเตะให้ได้เร็วที่สุด ส่วนตัวยึดคำพูดของ โชเซ่ มูรินโญ่ ยอดกุนซือชาวโปรตุกีสว่ารูปเกมไม่สำคัญ แต่เก็บชัยชนะให้ได้ก็พอ ดังนั้นเกมนี้จะต้องคว้าชัยชนะให้ได้
ด้าน “นิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่ทำ 1 ประตูในเกมนี้ กล่าวว่า ครึ่งแรกเป็นเกมที่ยากลำบากพอสมควร แต่พอได้ประตูมีการปรับแท็กติกในครึ่งหลังเกมก็ดีขึ้น ทุกคนช่วยกันเล่นจึงทำให้มีผลงานออกมาที่ดี
“ส่วนตัวลงเล่นทัวร์นาเมนต์ไหนก็ต้องการคว้าแชมป์ให้ได้ทุกครั้ง จะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้” นิวกล่าวปิดท้าย
ยอห์น แอนเดอร์สัน กุนซือทีมชาติเกาหลีเหนือ ชาวนอร์เวย์ กล่าวอย่างอารมณ์ฉุนเฉียวภายหลังเกมการแข่งขันว่า เกาหลีเหนือสามารถคุมเกมได้ตลอดในช่วงต้นเกม 10-30 นาทีไทยแทบไม่มีโอกาสได้ยิงเลย แต่เกาหลีเหนือที่มีโอกาสหลายครั้งกลับพลาดไปหมด ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้
“ไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เกมที่เจอกับทีมชาติญี่ปุ่น มาจนถึงนัดนี้ เปอร์เซนต์การเสียประตูก็ลดลง เน้นการตั้งรับและคอยหาจังหวะบุกเพื่อทำประตู ซึ่งทำได้ดีมากๆ และสมควรเป็นผู้ชนะในเกมนี้”
