‘ช้างศึก’ ผงาดซิวแชมป์ ‘คิงส์คัพ’ สมัย 15 ดวลเป้าสุดมันเฉือน ’เบลารุส’ หวุดหวิด ‘บิ๊กอ๊อด’ อัดฉีด 5 ล้าน

“ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ดวลจุดโทษเอาชนะ เบลารุส 5-4 หลังเสมอในเวลา 0-0 คว้าแชมป์การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 45 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม

การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 45 ในรอบชิงชนะเลิศ ได้รับเกียรติจาก พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์มอบถ้วยรางวัลแด่ผู้ชนะเลิศ

เกมนี้มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ยึดผู้เล่นจากเกมที่เอาชนะ “โสมแดง” เกาหลีเหนือ ยกชุด นำทีมโดย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เป็นผู้รักษาประตูและกัปตันทีม กองหลังจากขวาไปซ้าย อดิศร พรหมรักษ์, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, พรรษา เหมวิบูลย์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา กองกลางมี ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และสรรวัชญ์ เดชมิตร ทำเกมร่วมกัน ขณะที่แนวรุกซ้ายเป็นธีราทร บุญมาทัน แนวรุกขวา มงคล ทศไกร และอดิศักดิ์ ไกรษร เป็นกองหน้าตัวเป้า

ขณะที่เบลารุสนั้นมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นถึง 9 ตำแหน่ง โดยมีเพียง คลิโมวิช อุลซิสลาฟ กับ นาวูมาฟ มิกิต้า ที่ยังได้ลงสนามเป็น 11 ตัวจริงอยู่

Advertisement

เริ่มเกมมาช้างศึกเปิดฉากโจมตีทันที และมีโอกาสครั้งแรกในนาทีที่ 7 จากจังหวะสวนกลับขึ้นมาโดยพีระพัฒน์ ก่อนจะตัดสินใจยิงด้วยซ้าย บริเวณกรอบเขตโทษ แต่ ดูดาร์ ดิมิทรี ล้มตัวปัดออกไปได้
ไทยยังบุกต่อ ก่อนมาได้โอกาสอีกครั้งจากจังหวะที่ ธีราทร ได้โอกาสเปิดจากด้านซ้าย อดิศักดิ์ พุ่งโหม่งหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

จากนั้นทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมเข้าใส่กัน แต่ไม่สามารถเจาะถึงพื้นที่สุดท้ายได้ จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลังทั้งสองทีมยังคงหาจังหวะเข้าทำกันอยู่ แต่รูปเกมดูฝืดๆ กันไปทั้งคู่ ทำให้ในนาทีที่ 58 ไทยต้องปรับแผนด้วยการส่ง “ปีโป้” สิโรจน์ ฉัตรทอง ลงไปเล่นแทนอดิศักดิ์

Advertisement

เกมเดินทางมาถึงนาทีที่ 64 เบลารุสมีโอกาสบุกขึ้นมาและได้ยิง 2-3 จังหวะบริเวณเขตโทษของไทย แต่แนวรับของไทยยังช่วยกันบล็อกออกไปได้ทั้งหมด ถัดจากนั้นมา 3 นาที ราเยวัช เปลี่ยนผู้เล่นคนที่สอง ส่งธีรเทพ วิโนทัย ลงมาแทน สรรวัชญ์

ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมแลกกันบุกอย่างสนุกสนาน ก่อนจะไม่มีใครทำอะไรได้ จบลงด้วยการเสมอกันไป 0-0 ต้องตัดสินด้วยการดวลลูกโทษที่จุดโทษ ครบ 5 คนแรกเสมอกัน 4-4 ต้องตัดสินซัดเดนเดท ซึ่งคนกวินทร์เซฟได้ในคนแรก ก่อนที่สิโรจน์จะซัดเข้าไปให้ไทยชนะ 5-4 คว้าแชมป์คิงส์คัพ สมัยที่ 15 ไปครองได้สำเร็จ โดย “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ อัดฉีดแชมป์ครั้งนี้ 5 ล้านบาท

ขณะที่เกมชิงอันดับ 3 บูร์กินา ฟาโซ ดวลจุดโทษเอาชนะ “โสมแดง” เกาหลีเหนือ ไปได้ 4-3 หลังจากที่เสมอในเวลา 90 นาที 3-3

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image