เนเธอร์แลนด์ อดีตรองแชมป์โลก 3 สมัย และอดีตแชมป์ยูโร 1 สมัย โอกาสที่จะลุ้นจะเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ในปีหน้าริบหรี่ลงทุกที หลังจากลงแข่งขันรอบคัดเลือกโซนยุโรป เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม โดยแม้ทีมอัศวินสีส้มจะบุกคว้าชัยเหนือเบลารุส 3-1 ในการแข่งขันกลุ่มเอ แต่ยังคงรั้งอันดับ 3 ของกลุ่ม มี 16 คะแนน จาก 9 นัด ตามหลังฝรั่งเศส จ่าฝูง และสวีเดน รองจ่าฝูง 4 และ 3 คะแนนตามลำดับ
โดยนัดสุดท้าย เนเธอร์แลนด์จะต้องเอาชนะสวีเดนให้ได้โดยยิงประตูให้ระยะห่าง 7 ลูกขึ้นไป หากหวังจะเข้าไปลุ้นต่อด้วยการคว้าอันดับ 2 ของกลุ่ม เนื่องจากสวีเดนมีผลต่างประตูได้เสียเหนือกว่าแข้งดัตช์ถึง 12 ประตู (+19 กับ +7) และตามกฎของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ทีมที่มีคะแนนเท่ากันจะพิจารณาจัดอันดับจากผลต่างประตูได้เสียและประตูได้เป็นลำดับถัดไป ทำให้ทีมกังหันลมส่อเค้าไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ 2 รายการติดต่อกัน หลังจากพลาดเตะศึกยูโร 2016 มาก่อนหน้านี้
ภายหลังการแข่งขัน อาร์เยน ร็อบเบน กัปตันทีมกังหันลม กล่าวว่า รู้สึกเจ็บปวดมาก พอรู้ผลว่าสวีเดนถล่มลักเซมเบิร์ก 8-0 แล้วก็ทำได้แค่เพียงทำให้ดีที่สุดเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าการจะเอาชนะเบลารุสด้วยสกอร์เท่ากันนั้นเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับการเปิดบ้านถล่มสวีเดน 7-0 ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ดิ๊ค อัดโวคาต กุนซือฮอลแลนด์ยังไม่ถอดใจ โดยกล่าวว่า ในความเป็นจริงการจะผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกคงเป็นเรื่องยากมากๆ แต่ทุกอย่างยังไม่จบ ยังมีความเป็นไปได้ เพราะยังเหลือเกมเตะอีก 1 นัด
ด้านการแข่งขันโซนคอนคาเคฟ คอสตาริกาตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเรียบร้อย หลังจากเสมอกับฮอนดูรัส 1-1 ทำให้มี 16 คะแนนจาก 9 นัด การันตีเข้ารอบตามหลังเม็กซิโกเรียบร้อย แม้จะเหลือเกมเตะอีก 3 นัด โดยโซนนี้ทีมที่ติดอันดับ 1-3 จะผ่านเข้ารอบโดยอัตโนมัติ
ส่วนโซนแอฟริกา ไนจีเรียเป็นทีมแรกที่ผ่านเข้ารอบจากโซนนี้หลังจากเปิดบ้านเฉือนชนะแซมเบีย ทำให้การันตีตำแหน่งแชมป์กลุ่มบีในรอบคัดเลือกรอบที่สามแน่นอนแล้ว ด้วยผลงาน 13 คะแนน ทิ้งห่างอันดับ 2 แซมเบีย 6 แต้ม
สรุปผลฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
โซนยุโรป
กลุ่มเอ
สวีเดน ชนะ ลักเซมเบิร์ก 8-0
เบลารุส แพ้ เนเธอร์แลนด์ 1-3
บัลแกเรีย แพ้ ฝรั่งเศส 0-1
กลุ่มบี
หมู่เกาะแฟโร เสมอ ลัตเวีย 0-0
อันดอร์รา แพ้ โปรตุเกส 0-2
สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ ฮังการี 5-2
กลุ่มเอช
บอสเนีย เฮอร์เซโกวินา แพ้ เบลเยียม 3-4
ยิบรอลตาร์ แพ้ เอสโตเนีย 0-6
ไซปรัส แพ้ กรีซ 1-2
โซนแอฟริกา
กินี แพ้ ตูนิเซีย 1-4
ลิเบีย แพ้ สาธารณรัฐคองโก 1-2
แคเมอรูน ชนะ แอลจีเรีย 2-0
ไนจีเรีย ชนะ แซมเบีย 1-0
โมร็อกโก ชนะ กาบอง 3-0
แอฟริกาใต้ ชนะ บูร์กินา ฟาโซ 3-1
เคปเวิร์ด แพ้ เซเนกัล 0-2
ยูกันดา เสมอ กานา 0-0
โซนคอนคาเคฟ
สหรัฐอเมริกา ชนะ ปานามา 4-0
เม็กซิโก ชนะ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก 3-1
คอสตาริกา เสมอ ฮอนดูรัส 1-1
สรุปทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายแล้ว 13 ทีมในขณะนี้ ได้แก่ รัสเซีย (เจ้าภาพ) ญี่ปุ่น อิหร่าน เกาหลีใต้ ซาอุดีอาระเบีย บราซิล ไนจีเรีย เม็กซิโก คอสตาริกา เบลเยียม อังกฤษ สเปน และเยอรมนี