4 กูรูชำแหละปัญหา ‘สิงโตคำราม’

แกเร็ธ เซาธ์เกต (ภาพ Reuters)

หากมองภาพกว้างๆ ของทีมฟุตบอลทีมชาติ อังกฤษ หรือทีม “สิงโตคำราม” ชุดปัจจุบัน ด้วยสถานการณ์ล่าสุดหลังสิ้นสุดการแข่งขันรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2018 โซนยุโรป (ก่อนการเพลย์ออฟ) ถือว่าทุกอย่างกำลังไปได้ดี

อังกฤษผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มอี มีสถิติชนะ 8 เสมอ 2 ไม่แพ้ทีมใด ยิงได้ 18 ลูก เสียเพียง 3 ประตู การันตีการเข้ารอบก่อนลงสนามนัดสุดท้าย แถม แฮร์รี่ เคน กองหน้าคนสำคัญของทีมก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ทำประตูให้ทีมสิงโต 7 ลูก ในการลงสนาม 6 นัด (เป็นประตูที่ 12 จากการลงเล่นทีมชาติชุดใหญ่ 23 เกม) โดยดาวยิงจากท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ได้รับความไว้วางใจให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติเป็นนัดที่ 4 แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาลึกลงไปในรายละเอียด ทั้งฟอร์มการเล่น ระบบทีม และความสามารถรายบุคคล เสียงสะท้อนจากแฟนบอลและสื่อเมืองผู้ดีในประเด็นเหล่านี้กลับไม่สู้ดีนัก แฟนๆ หลายคนบ่นว่าสิงโตหนุ่มยุคนี้เล่นบอลน่าเบื่อ เกมยังดูฝืดๆ และถึงโดยรวมจะทำได้ดีตามมาตรฐาน ก็คงหวังอะไรมากไม่ได้ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ขณะที่สื่อก็ไม่รู้จะหยิบใครขึ้นมาเป็นซุปเปอร์สตาร์ชูโรงเหมือนกับยุคก่อนๆ เพราะสิงโตชุดนี้อายุเฉลี่ยยังไม่มาก ยังสั่งสมชื่อเสียงและบารมีกันไม่พอ และเคนเองถึงจะทำผลงานเด่น แต่ก็ถือว่ายังใหม่กับเวทีนานาชาติ แถมระดับสโมสรก็ยังไม่มีถ้วยรางวัลมาเป็นเครื่องการันตี

แม้นัดสุดท้ายที่ชนะลิทัวเนียจะเน้นส่งตัวสำรองลงเล่นเป็นหลัก แต่ฟอร์มโดยรวมที่ยังดูจืดๆ ไม่มีจุดเด่นอะไรของสิงโตคำรามยุคปัจจุบันก็ทำให้หลายคนแสดงความเป็นห่วง

Advertisement

เดลี่ เมล สื่อดังเมืองผู้ดีเลยจับเข่าคุยกับอดีตแข้งทีมชาติอังกฤษ 4 ราย ซึ่งยังคงคลุกคลีกับวงการลูกหนังในฐานะโค้ชหรือนักวิจารณ์ว่าคิดเห็นอย่างไรกับสิงโตคำรามชุดนี้?

คริส วัดเดิ้ล

ในมุมมองของอดีตปีกดังของหลายสโมสร ทีมชาติอังกฤษเดินมาผิดทางตั้งแต่หมดยุคของกุนซือ เกล็น ฮอดเดิ้ล และการถือกำเนิดของพรีเมียร์ลีกก็ส่งผลกระทบโดยตรงกับทีมชาติ เนื่องจากนักเตะอังกฤษแท้ๆ ไม่ค่อยมีโอกาสได้ลงเล่นในลีกสูงสุด เนื่องจากแต่ละทีมทุ่มเงินซื้อผู้เล่นต่างชาติเก่งๆ มาแข่งกัน อคาเดมีของแต่ละสโมสรก็ผลิตโค้ชออกมาเต็มไปหมด แต่กลับไม่สามารถสร้างผู้เล่นที่หลากหลายขึ้นมาเป็นตัวเลือกในระดับประเทศ

Advertisement

วัดเดิ้ลบ่นว่าอคาเดมีฟุตบอลในอังกฤษเดี๋ยวนี้สอนบอลคล้ายๆ กันหมด สภาพร่างกายแข็งแกร่งขึ้น แต่ระบบการเล่นเหมือนกันไปหมด คือเน้นต่อบอลสั้น ได้บอลแล้วส่งเร็ว บางทีก็ส่งคืนหลัง แทนที่จะสอนให้เลี้ยงบอล กลายเป็นว่าผู้เล่น 11 คน แทบไม่มีความคิดสร้างสรรค์ จุดเด่น หรือเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลย

เรื่องนี้จะโทษเซาธ์เกตคงไม่ได้เพราะเป็นมาตั้งแต่ฐานรากแล้ว ไม่ใช่ว่านักเตะชุดนี้ไม่ดี หลายคนโดดเด่น เช่น แฮร์รี่ เคน, เดเล่ อัลลี่ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่โค้ชก็ควรกล้าจะเลือกคนที่แตกต่างมา โดยวัดเดิ้ลยกตัวอย่าง จอนโจ้ เชลวีย์ ซึ่งเป็นแข้งผู้ดีที่ส่งบอลยาวได้ดีที่สุดในยุคปัจจุบัน แต่โดนมองข้าม อีกทั้งยังแนะนำให้แฟนๆ เปลี่ยนวิธีคิด เพราะแฟนบอลสมัยนี้ใจร้อน ด่วนตัดสินว่านักเตะดีไม่ดีจากฟอร์มแค่ไม่กี่นัด

มาร์ติน คีโอว์น

อดีตกองหลังอาร์เซน่อลมองว่าเซาธ์เกตยังวางตำแหน่งผู้เล่นขัดใจไปสักหน่อย เช่นมาร์คัส แรตชฟอร์ด โดนจับไปเล่นปีกแทนที่จะเป็นตัวรุกตรงกลาง รูปเกมก็ทื่อๆ ตรงๆ เกินไป จนอีกฝ่ายจับทางได้ หรือแฮร์รี่ เคน ต้องคอยบอลอยู่ในแดนหน้าแบบเหงาๆ เพราะไม่ค่อยมีคนโยนไกลไปหาเลย และนัดสุดท้ายก็เห็นเซาธ์เกตทดลองใช้ระบบเซ็นเตอร์แบ๊ก 3 คน ก็ต้องคิดให้ดีว่าจะใช้ไปจนถึงบอลโลกเลยหรือไม่

คีโอว์นแนะว่า ถ้าอังกฤษจะเน้นทำเกมจากด้านข้างไม่ใช่แดนกลาง มิดฟิลด์คู่กลางอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ เอริค ดายเออร์ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะส่งและรับบอลให้เร็วกว่านี้ โดยเฉพาะกรณีของเฮนเดอร์สันที่พอได้บอลทีต้องตั้งหลักก่อนจึงจะปล่อยบอลต่อให้เพื่อนได้ แน่นอนว่าระยะเวลา 8 เดือนที่เหลือก่อนบอลโลก คงไม่มีทางเปลี่ยนนักเตะคนหนึ่งเป็นผู้เล่นระดับเวิลด์คลาสได้ แต่เซาธ์เกตก็ต้องเข้ามามีบทบาทช่วยแก้ไขในจุดนี้

การเล่นในสนามใหญ่อย่างเวมบลีย์ก็มีผลกับนักเตะที่อายุยังน้อย พอคนดูเยอะไปก็ตื่นเต้น แต่ถ้าคนน้อยไปก็ใจเสีย

แฮร์รี่ เคน เป็นหัวใจหลักของทีม (ภาพ AFP)

คริส ฮัตตัน

อดีตกองหน้าทีมสิงโตคำรามเผยว่า มีโอกาสนั่งชมการถ่ายทอดเกมระหว่างอังกฤษกับสโลวีเนียเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่เกมน่าเบื่อมากจนต้องย้ายช่องไปดูคู่สกอตแลนด์กับสโลวาเกียแทน และได้เห็นความแตกต่างชัดเจน เนื่องจากแข้งสก๊อตเล่นกันอย่างกระหายและมุ่งมั่น ขณะที่อังกฤษเล่นแบบเนือยๆ การทำเกมชักช้ายืดยาด เกมบุกไม่มีประสิทธิภาพ เกมรับก็เสี่ยงจะเสียประตูง่ายๆ

ฮัตตันบอกว่า เป็นครั้งแรกที่ตนเห็นแข้งสิงโตเตรียมตัวลุยศึกฟุตบอลโลกแบบซังกะตาย เหมือนแข่งไปงั้นๆ ไม่หวังผลอะไร และไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีนับตั้งแต่ตกรอบยูโร 2016 ด้วยการพ่ายแพ้ให้ ไอซ์แลนด์ เพราะยังเน้นทำเกมจากริมเส้นแบบเดิมๆ คาดเดาง่าย ขณะที่ไอซ์แลนด์เองยังพัฒนาขึ้นจากเมื่อปีที่แล้วได้เลย

เช่นเดียวกับคีโอว์น ฮัตตันมองว่ามิดฟิลด์คู่กลางอย่างเฮนเดอร์สันและดายเออร์ยังมีปัญหา เพราะไม่สามารถจ่ายบอลทะลุช่องได้เหมือนอย่าง สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด และ แฟรงก์ แลมพาร์ด ที่ต่างเกษียณตัวเองไปแล้ว และภาพรวมของผู้เล่นชุดปัจจุบันมีแค่เคนกับ ไคล์ วอล์กเกอร์ ที่น่าจะการันตีตำแหน่งตัวจริงในทีมได้

ฮัตตันย้ำว่าแมตช์อุ่นเครื่องหลังจากนี้ เซาธ์เกตต้องหานักเตะที่ฟอร์มดี แบกรับความกดดันได้ และเล่นเข้าระบบมาจูนกันให้เร็วที่สุด รวมถึงปล่อยให้ลูกทีมมีอิสระในเกมมากกว่าปัจจุบันด้วย

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน โดนวิจารณ์หนัก (ภาพ Reuters)

ปีเตอร์ รีด

อดีตกุนซือทีมชาติไทยมองว่า อังกฤษในยุคเซาธ์เกตเล่นบอลแบบ “ปลอดภัยไว้ก่อน” ไม่กล้าเสี่ยง โดยให้มิดฟิลด์คู่กลางทำหน้าที่ครองบอล คือหวังว่าจะไม่เสียบอลง่ายๆ ให้คู่แข่ง แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เกมรุกขาดประสิทธิภาพไปด้วย จริงๆ สิงโตหนุ่มชุดนี้หลายคนอายุยังน้อย มีความเร็วเป็นจุดเด่น น่าจะนำมาใช้ประโยชน์ให้มากกว่านี้ เพิ่มจังหวะเกมบุกให้เร็วขึ้น ส่งบอลให้แม่นยำขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่อันตราย

รีดบอกว่า โดยส่วนตัวไม่ชอบศัพท์ที่ว่า “กองกลางตัวครองบอล” เพราะเหมือนกับเป็นการจำกัดว่าผู้เล่นคนนั้นมีหน้าที่ป้องกันลูกไม่ให้ใครแย่งไปได้ในพื้นที่เล็กๆ และจำเป็นหรือไม่ที่ต้องใช้นักเตะตำแหน่งนี้ถึง 2 คน โดยเฉพาะเวลาเจอกับคู่แข่งที่เน้นตั้งรับเป็นหลัก

รีดอยากเห็นกองกลางสไตล์ ไบรอัน ร็อบสัน ให้มากขึ้น คือมีความเร็ว ทำลายเกมคู่ต่อสู้ เข้าไปแย่งบอล แล้วพาบอลบุกขึ้นหน้า ส่วนคู่หูก็คอยระวังหลังให้ เชื่อว่านักเตะอย่างเดเล่ อัลลี่ และ อดัม ลัลลาน่า จะช่วยสร้างความแตกต่างในเกมได้ ส่วนดายเออร์กับเฮนเดอร์สันเมื่อเห็นโอกาสบุกก็ควรจะบุก ไม่ใช่เอาแต่ระวังเกมในแดนกลาง

ถ้าเจอกับทีมแกร่งๆ อย่างเยอรมนีหรือสเปนที่พร้อมฉวยโอกาสในจังหวะสวนกลับ จะตื่นตัวในเรื่องนี้ก็เข้าใจได้ แต่ไม่ใช่มาทำอย่างนั้นกับทุกทีม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image