‘ชบาแก้ว’รัวดับ‘ปินส์’3-1คว้าตั๋วฟุตบอลโลกสมัย2ซ้อน!รับเงินอัดฉีดแล้ว23ล้านบาท

“ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ลงเตะนัดชี้ชะตาพบ ฟิลิปปินส์ ในการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย “เอเอฟซี วีเมนส์ เอเชี่ยน คัพ 2018” รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ นัดที่สาม ที่คิง อับดุลลาห์ที่ 2 สเตเดียม กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เมื่อคืนวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา

ผลงาน 2 นัดแรก ทีมไทย พ่าย จีน 0-4 ก่อนถล่ม “เจ้าภาพ” จอร์แดน 6-1 มี 3 แต้ม เท่ากับ ฟิลิปปินส์ ที่เตะนัดแรก ชนะ จอร์แดน 2-1 และนัดสอง แพ้ จีน 0-3 แต่ทีมไทยมีลูกได้เสียดีกว่า 3 ลูก ซึ่งเกมนัดสุดท้ายจะเป็นการแย่งชิงอันดับ 2 ของกลุ่มเอ ที่จะผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ พร้อมคว้าตั๋วไปฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส ปีหน้าต่อไป

สถิติที่ทีมไทยเคยพบ ฟิลิปปินส์ ตามการรับรองของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ปรากฏว่า เคยพบกันมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด 11 ครั้ง ซึ่งทีมไทยสามารถคว้าชัยชนะรวดได้หมดทั้ง 11 นัด ยิงได้ 45 ประตู และเสียเพียง 3 ประตู โดยครั้งล่าสุดเจอกันในกีฬาซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย ปรากฏว่า ทีมไทย ชนะ 3-1

เกมนี้ทีมสาวไทย อันดับ 30 ของโลก ภายใต้การคุมทีมของ “โค้ชหนึ่ง หนึ่งฤทัย สระทองเวียน กุนซือหญิงโปรไลเซนส์หนึ่งเดียวของไทย จัดทัพผู้เล่นชุดใหญ่นำโดย ผู้รักษาประตู “ทราย” วราภรณ์ บุญสิงห์, กองหลัง “แอน” ดวงนภา ศรีตะลา, “ตาล” ณัฐกานต์ ชินวงศ์, แบ๊กซ้าย “แนนซี่” สุนิสา สร้างไธสง กัปตันทีม, แบ๊กขวา “แป๋ว” วารุณี เพ็ชรวิเศษ

Advertisement

ส่วนแดนกลางนำโดย “หมิว” ศิลาวรรณ อินต๊ะมี เป็นตัวรุก ขณะที่คู่มิดฟิลด์เป็น “ปิ่น” พิกุล เขื่อนเพ็ชร จับคู่กับ “ปุ๋ย” พิสมัย สอนไสย์, ริมเส้นฝั่งซ้าย “ไหม” ธนีกานต์ แดงดา, ริมเส้นฝั่งขวา “เนตร” กาญจนา สังข์เงิน และกองหน้าตัวเป้า “มิรันด้า” สุชาวดี นิลธำรง ดาวยิงลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัย 21 ปี

ขณะที่ ฟิลิปปินส์ อันดับ 72 ของโลก ภายใต้การคุมทัพของ ราบาห์ เบนลาร์บี กุนซือชาวฝรั่งเศส อดีตสต๊าฟโค้ชทีมยูเวนตุส เมื่อปี 2001-2003 ขนนักเตะลูกครึ่งอเมริกัน ลงตัวจริงถึง 6 คน นำโดย ชารีน่า โบลเด้น และมีผู้เล่นจากชุดซีเกมส์ 2017 เหลือแค่ 2 คน คือ ฮาลี่ ลอง และซาร่า คาสทาเนด้า โดยมี ทาห์ไน แอนนิส เป็นมิดฟิลด์กัปตันทีม

เกมครึ่งแรกทั้งสองทีมต่างผลัดเปิดเกมบุกแลกใส่กัน จนนาทีที่ 27 ธนีกานต์ ยิงบอลติดแขนผู้เล่นฟิลิปปินส์ในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ให้ไทยได้ลูกจุดโทษ และกาญจนา ซัดไม่พลาดให้ทีมไทยขึ้นนำ 1-0 นาทีที่ 32 ผู้เล่นฟิลิปปินส์ชุลมุนกับ วราภรณ์ หน้าเส้นประตูก่อนจิ้มบอลเข้าไป แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะฟาล์ว จบครึ่งแรกทีมไทยนำอยู่ 1-0ครึ่งหลังนาทีที่ 53 ทัพชบาแก้วขยับหนี 2-0 มิรันด้า พลิกบอลในเขตโทษแล้วหักเข้ากลางให้ กาญจนา วิ่งเข้ามายิงเน้นๆ เข้าไปเป็นประตูที่ 2 ในเกมนี้ และเป็นประตูที่ 3 ของกาญจนาในรายการนี้ นาทีที่ 62 สาวไทยพังประตูที่ 3 จาก ศิลาวรรณ วางเท้าซ้ายปั่นฟรีคิกโค้งเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม และเป็นการยิงฟรีคิกลูกที่ 2 ของศิลาวรรณในรายการนี้ด้วย ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ฟิลิปปินส์ ตีไข่แตกได้จาก เจสซี ชูกก์จบเกม ทีมไทย ถล่มชนะ ฟิลิปปินส์ 3-1 รวมลงเตะ 3 นัด ชนะ 2 แพ้ 1 มี 6 แต้ม คว้าอันดับ 2 กลุ่มเอ ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในศึกชิงแชมป์เอเชียในรอบ 32 ปี พร้อมสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมที่ 2 ต่อจากจีน ที่ผ่านไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส ในปีหน้าได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันของทีมสาวไทยด้วย

นอกจากนี้ ทีมสาวไทยยังรับเงินรางวัลอัดฉีดจาก “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม ซึ่งประกาศว่าจะหาให้อย่างน้อย 20 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้มาจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ 5 ล้าน เมื่อรวมกับที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ประกาศก่อนเกมกับฟิลิปปินส์ว่า จะให้เงินรางวัลพิเศษประตูละ 1 ล้านบาท ทำให้รวมทั้งสิ้นเบื้องต้นตอนนี้ทีมสาวไทยรับเงินรางวัลไปแล้วอย่างน้อย 23 ล้านบาท

ส่วน ฟิลิปปินส์ ลงเตะ 3 นัด ชนะ 1 แพ้ 2 มี 3 แต้ม หล่นเป็นอันดับ 3 กลุ่มเอ ต้องไปเพลย์ออฟรอบชิงอันดับ 5 เพื่อแย่งตั๋วใบสุดท้ายไปฟุตบอลโลก ด้านผลอีกคู่ในกลุ่มเอ จีน ถล่ม “เจ้าภาพ” จอร์แดน 8-1 ทำให้จีนคว้าชัย 3 นัดรวด มี 9 แต้มเต็ม คว้าอันดับ 1 กลุ่มเอ ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศต่อไป ส่วน จอร์แดน แพ้รวด 3 นัด ไม่มีแม้แต่แต้มเดียว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image