สกู๊ป : พลิกปูม 9 อรหันต์! – ชิงเก้าอี้ ‘ผู้ว่าการกกท.’- ศึก ‘คนใน VS คนนอก’

อย่างที่คนวงการกีฬาทราบกันดีว่าในวันที่ 30 มิถุนายน 2561 “บิ๊กเสือ” สกล วรรณพงษ์ จะเกษียณอายุราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)

หลายคนต่างจับจ้องเรื่องนี้ว่า “ใคร” จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำค่ายหัวหมากคนใหม่…

บอร์ด กกท. ที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธาน ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาตามขั้นตอนกฎหมาย โดยมี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา คนสนิทของพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา ส่วนคณะกรรมการอีก 4 คน ประกอบด้วย พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ, ทวีศักดิ์ วาณิชย์เจริญ, อรรถฤทธิ์ ศฤงคไพบูลย์ และอรรถ นานา

เก้าอี้ “ผู้ว่าการ กกท.” ที่จะคุมวงการกีฬาของเมืองไทยในยุคนี้ สมัยนี้ต่อไปอีก 4 ปีข้างหน้า จะไม่ใช่เก้าอี้ตัวเล็กๆ ธรรมดาๆ อีกแล้ว เพราะนั่นหมายถึงเก้าอี้ตัวนี้จะคุมเงินในวงการกีฬาปีละไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านบาท…!!!

Advertisement

นั่นจึงเป็นที่มาหลังจากปิดรับสมัครผู้ที่สนใจชิงตำแหน่ง “ผู้ว่าการ กกท. คนใหม่” มีผู้สมัครมากถึง 9 รายด้วยกัน…

9 รายที่มาสมัคร แยกเป็น คนใน หรือ ลูกหม้อ กกท. เอง 3 คน ได้แก่ ณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการ กกท.ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศ และวิทยาศาสตร์การกีฬา / ราเชลล์ ได้ผลธัญญา รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายส่งเสริมกีฬา / พ.ท.รุจ แสงอุดม รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์

คนนอก 6 คน ประกอบด้วย สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีสะเกษ และนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งภาคอีสาน / ดร.ก้องศักด ยอดมณี ลูกชาย ดร.สุวิทย์ ยอดมณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา / นิวัฒน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ รองอธิบดีกรมพลศึกษา และเลขาธิการสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ / ดร.พิสัณห์ นุ่นเกลี้ยง ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข / สุปราณี คุปตาสา คณะกรรมการกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ / อธิปรัฐ กาญจนสุวรรณ อดีตนายกสมาคมยิงปืนแห่งประเทศไทย

Advertisement

8 สุภาพบุรุษ กับ 1 สภาพสตรี จะเข้าสู่กระบวนการสรรหาตามขั้นตอนทั้งข้อเขียน การสัมภาษณ์ การแสดงวิสัยทัศน์ บุคลิกภาพ ฯลฯ จนสุดท้ายต้องเหลือผู้สมัครเพียงรายเดียวที่จะมาทำหน้าที่กุมชะตากรรมของวงการกีฬาในห้วงเวลา 4 ปีนับจากนี้้

การสรรหาผู้บริหารระดับสูงไม่ว่าจะวงการไหนๆ ในเมืองไทย มันหลีกหนีไม่พ้นเรื่องของการ “วิ่งเต้น” ผ่านบรรดา “ขาใหญ่” ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ เฉกเช่นเดียวกับกระบวนการสรรหาในคราวนี้

ว่ากันว่าก่อนที่จะมายื่นใบสมัครตามขั้นตอนกันนั้น แต่ละคนล้วนแต่นำแบ๊คอัพระดับขาใหญ่ไปแนะนำตัว ไปนั่งโต๊ะกลมทานอาหารกับ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา กันมาครบทั้ง 9 คนเลยด้วยซ้ำ จนถึงขนาดว่า พล.อ.วิชญ์ ถึงขั้นบ่นพรึมพรำไม่อยากจะรับแขกในช่วงนี้เท่าไหร่นัก

เพราะอะไรนั่นหรือ เพราะทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในยุคนี้ สมัยนี้ หรือจะกี่ยุค กี่สมัย ลำพังความสามารถบวกกับความตั้งใจจริงมันไม่สามารถเอาชนะผู้มากด้วยบารมีระดับ “ขาใหญ่” ไปได้

เอากันให้ตรงกว่านั้นแบบไม่ต้องอ้อมค้อม งานนี้ใครเป็นที่ถูกอกถูกใจของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะไปถึงฝั่งฝัน ส่วนเรื่องความรู้ ประสบการณ์ในวงการกีฬา ความสามารถก็เป็นส่วนประกอบลำดับรองลงมา

ว่ากันตามตรงดูจาก 9 รายชื่อที่หาญกล้าจะขยับก้นมานั่งเก้าอี้ตัวใหญ่คุมค่ายหัวหมาก ไม่มีระดับ “บิ๊กเนม” แม้แต่รายเดียว…!

3 ตัวแทนคนใน ล้วนมีข้อดี และข้อด้อยต่างกันออกไป…

ณัฐวุฒิ เรืองเวส

“ตูน” ณัฐวุฒิ เรืองเวส เป็นคนที่บรรลุหลักสูตรกีฬาเพื่้อความเป็นเลิศเพราะทำมาตลอดชีวิต รู้จักเทคนิคไปสู่ความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทยไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์ หรือโอลิมปิกเกมส์ เป็นคนตรงกับข้อบังคับ ไม่ยอมผ่อนปรน แต่ข้อเสียคือ ไม่เอาเรื่องกีฬาอาชีพจนโดนต่อต้านพอสมควร ว่ากันว่าหากเป็นยุคของ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร คุมวงการกีฬารับรองชื่อของ ณัฐวุฒิ เรืองเวส แบเบอร์มาแต่ไกล แต่เมื่อเปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัยก็ยังไม่สิ้นหวังเพราะยังได้รับแรงสนับสนุนอย่างดีจาก “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ

พ.ท.รุจ แสงอุดม

พ.ท.รุจ แสงอุดม ว่ากันว่านี่คือ “เต็ง 1” ในสายตาคนกีฬา แม้ผลงานในวงการกีฬายังไม่สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรมนัก แต่คนอมภูมิรู้อย่าง รุจ แสงอุดม มีดีอยู่เช่นกันเพราะอยู่กับกีฬามานาน เป็นมือประสาน 10 ทิศ รู้จักโอนไปเอนมา ที่สำคัญเขาเลือกเดินเกมแบบ “เพลย์เซฟ” ไม่เปิดหน้า ไม่ออกสื่อ สงบปากสงบคำ แม้จะได้รับแรงสนับสนุนจากพี่ใหญ่วงการกีฬาอย่าง พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ที่รักน้องรักคนนี้ตั้งแต่สมัยเป็นพ่อบ้านสมาคมตะกร้อฯ นี่ยังไม่รวมแรงสนับสนุนจาก กิตตน์สมบัติ เอื้อมมงคล นายกสมาคมเทนนิสฯ ผ่านไปยัง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ส่งต่อไปยังขาใหญ่ในรัฐบาลอีกทางหนึ่ง

ราเชลล์ ได้ผลธัญญา ผู้เติบโตมากับงานฝ่ายคลัง และภูมิภาค ของ กกท. ตลอด 30 กว่าปีที่ผ่านมา รายได้แม้จะดูเงียบๆ แต่คนใน กกท. ว่ากันว่าห้ามประมาทเด็ดขาดเพราะเป็นคนที่เดินเกมเยอะที่สุด ทุ่มเทกับรถไฟขบวนสุดท้ายแบบที่สุด ผ่านขาใหญ่ จ.อ่างทอง เพราะมีความสนิทสนมกับ กรวีร์ ปริศนานันทกุล ลูกชายของ “เสี่ยตือ” สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เป็นพิเศษ

ว่ากันว่า 3 คนใน กกท. ณัฐวุฒิ – รุจ – ราเชลล์ ไม่มีความสามัคคีกันอยู่ด้วย งานนี้จึงพร้อมฟาดฟันเพื่อแย่งเก้าอี้กันอย่างเต็มกำลังสามารถเพราะทุกคนล้วนแต่เหลืออายุราชการอีก 3 ปีกว่าๆ นี่จึงเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายในการจบตำแหน่งสูงสุดของชีวิตข้าราชการอีกด้วย

สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ

ว่ากันที่ตัวแทน “คนนอก” ทั้ง 6 รายกันบ้าง ภาษีดีที่สุดที่คนค่ายหัวหมากพอจะยอมรับได้หากเกิดกรณี “ข้ามห้วย” ขึ้นมาจริงๆ คือ “เสี่ยโต้ง” สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีสะเกษนักธุรกิจระดับร้อยล้าน เพราะมีประสบการณ์ในฐานะเคยเป็นบอร์ด กกท. คลุกคลีวงการกีฬาเห็นปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะสมาคมกีฬาจังหวัดมาพอสมควร ที่สำคัญเสี่ยโต้งเลือกเข้าถูกช่องทางมาในแรงสนับสนุนของสายทหารเช่นกัน จึงเป็นอีกหนึ่ง “ม้ามืด” ที่น่าจับตามองแบบห้ามกระพริบตา

ก้องศักด ยอดมณี

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ลูกชาย ร้อยโทสุวิทย์ ยอดมณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นอดีตหนุ่มแบงก์ที่พยายามจะก้าวสู่การเป็นนักการเมือง ประกอบกับรุ่นพ่อมีสายสัมพันธ์ฟากฝั่งทหารโยงใยกันถึงรัฐบาลชุดนี้ แม้ว่าอายุ และชั่วโมงบินจะน้อย แต่เชื่อเถอะว่า ระดับลูกชายของ สุวิทย์ ยอดมณี ไม่ธรรมดาเช่นกัน

นิวัฒน์ ลิ้มสุขนิรันดร์
สุปราณี คุปตาสา

นิวัฒน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ และ สุปราณี คุปตาสา 2 คนนี้มีอะไรคล้ายๆ กันอย่างหนึ่งคือ เป็นผู้ใกล้ชิดและสนิทสนมกับ “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย อีกหนึ่งคีย์แมนระดับ “ขาใหญ่” ที่เป็นไม่เบื่อไม้เมากับ กกท. มานักต่อนัก นิวัฒน์ เป็นเลขาธิการสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ที่ เสธ.ยอด บัญชาการอยู่ ส่วน สุปราณี นั้น เธอผู้นี้เคยเขย่าวงการฟุตบอลมาแล้วถ้าจำกันได้ เธอคือ 1 ในหมากตัวหนึ่งที่ใช้โค่นล้ม วรวีร์ มะกูดี ออกจากวงการฟุตบอล และปัจจุบันเธอเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ แหล่งขุมทรัพย์ปีละ 4 พันล้านของวงการกีฬานั่นเอง

พิสัณห์ นุ่นเกลี้ยง

ดร.พิสัณห์ นุ่นเกลี้ยง เขาผู้นี้เป็นผู้รับทำตำรางานวิจัย เรื่องมาตรฐานกีฬาอาชีพที่ กกท.ดำเนินการ เป็นสายนักวิชาการจากค่ายนิด้า ด้วยความที่เห็นอะไรต่อมิอะไรในวงการกีฬาโดยเฉพาะวงการกีฬาอาชีพจึงกระโจนลงมาท้าชิงเก้าอี้กับเขาอีกราย

อธิปรัฐ กาญจนสุวรรณ

รายสุดท้ายนี่ดูจะสร้างสีสันไม่ใช่ย่อย อธิปรัฐ กาญจนสุวรรณ ว่ากันว่า เป้าประสงค์ของอธิปรัฐ อาจไม่ใช่เก้าอี้ตัวใหญ่ถึงขั้นผู้ว่าการ กกท. แต่เป้าคือ กลับสู่นายกสมาคมกีฬายิงปืนฯ และอธิปรัฐ เป็นเพียง “คู่หู” ของ 1 หนึ่งในผู้สมัครที่เหลืออีก 8 รายที่ถูกส่งมาเพื่อเขย่ากระบวนการสรรหาหากเกิดกรณี “ผิดแผน” แค่นั้น ไม่เชื่อคอยดู…

ว่ากันต่ออีกว่าหากระหว่างทางของกระบวนการสรรหาเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะ ล้มกระดาน หรือเดินต่อไม่ได้เพราะมีเรื่องฟ้องร้องกันอีนุงตุงนัง

ทีนี้ก็เหลือแค่ สกล วรรณพงษ์ นั่งรักษาการต่อ หรือไม่ก็ “รองจุก” สังเวียน บุญโต ที่อยู่เฉยๆ อาจได้พุงปลาไปกิน…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image