เคาต์ดาวน์ ทู ‘รัสเซีย 2018’ ชำแหละ 5 ทีมเอเชีย ‘ไม้ประดับ’ หรือ ‘ม้ามืด’

ในฟุตบอลโลกทุกครั้งที่ผ่านมา ทีมจากเอเชียเป็นเพียงไม้ประดับมาตลอด และครั้งนี้ที่ประเทศรัสเซีย การคาดการณ์ของกูรูและแฟนบอลทั่วโลกก็ยังคงเป็นแบบนั้น

ต้องยอมรับว่ามาตรฐานฟุตบอลเอเชียยังคงตามหลังยุโรป อเมริกาใต้ หรือแม้กระทั่งแอฟริกาอยู่หลายก้าว เห็นได้ชัดเจนจากผลงานในฟุตบอลโลก

การผ่านเข้าสู่รอบสองถือเป็นความสำเร็จของชาติเอเชียแล้ว ถึงแม้ เกาหลีใต้ จะเคยกรุยทางเข้ารอบรองชนะเลิศ ในฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้เองเป็นเจ้าภาพร่วมกับ ญี่ปุ่น แต่ต้องไม่ลืมว่า การตัดสินในแมตช์ของทีมโสมขาวค้านสายชาวโลกหลายต่อหลายครั้ง

ก่อนเวิลด์คัพจะฟาดแข้งมาเจาะดูทีมจากแผ่นดินเอเชียว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง

Advertisement

ออสเตรเลีย (ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 36)
ทีมจิงโจ้ได้ เบิร์ท ฟาน มาไวก์ กุนซือชาวดัตช์มาคุมทีมแทน อันเก้ ปอสเตโคกลู ที่ลาออกไปหลังจากทีมคว้าตั๋วฟุตบอลโลกเมื่อปีที่แล้ว ตลอดการเข้ามาทำงาน 6 เดือนเต็ม ฟาน มาไวก์มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นจากการเปิดเกมรุกใส่คู่แข่ง เพรสซิ่งสูง เป็นการรับแล้วสวนกลับ เปลี่ยนจากแผน 3-4-2-1 ของปอสเตโคกลู เป็น 4-2-3-1 ที่มีแนวรับแน่นขึ้น

นักเตะที่น่าจับตามองของทีมออสซี่เป็น ดาเนียล อาร์ซานี่ มิดฟิลด์ตัวรุกวัย 19 ปีจาก เมลเบิร์น ซิตี้ ที่ดังเป็นพลุแตกจากเกมลีกในประเทศ ถูกฟาน มาไวก์เรียกตัวมาติดทีมชาติ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และมีชื่อเป็น 23 นักเตะชุดลุยฟุตบอลโลกทันที อาร์ซานี่มีความโดดเด่นในเรื่องสปีด เล่นได้ทั้งปีกและกองกลางตัวรุก ประเดิมทีมชาตินัดแรกในเกมอุ่นเครื่องกับเช็ก เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน และยิงประตูได้ตั้งแต่นาทีที่แรกที่ถูกส่งลงสนาม

นอกจากนั้นยังมีนักเตะตัวเก๋าอย่าง  ทิม เคฮิลล์ กองหน้าวัย 38 ปีที่ยังเป็นคนที่ไว้วางใจได้ในยามวิกฤติของทีม รวมทั้งนักเตะประสบการณ์สูงทั้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ, สกอตติช พรีเมียร์ลีกอีกหลายคน

ทีมจิงโจ้อยู่ในกลุ่มซีที่ถือว่าหนักสำหรับพวกเขา มีทั้ง ฝรั่งเศส, เปรู, เดนมาร์ก เป้าหมายที่สหพันธ์ฟุตบอลออสเตรเลียตั้งไว้ คือ ผ่านรอบแบ่งกลุ่มให้ได้ โอกาสก็ไม่ได้ปิดตาย แต่ไม่เปิดกว้างเท่าไรนัก

อิหร่าน (ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 37)
อิหร่านคว้าตั๋วไปรัสเซียด้วยการทิ้งห่างเกาหลีใต้ ทีมอันดับ 2 ถึง 7 แต้ม แสดงให้เห็นว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากสำหรับการเล่นในโซนเอเชีย กุนซือ คาร์ลอส เครอซ ชาวโปรตุเกสมีข่าวว่าจะลาทีมไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังคงอยู่กับอิหร่านมาจนถึงฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย

นักเตะในแนวรุกของสิงโตแห่งเมโสโปเตเมียถือว่าอันตรายพอตัว ซาร์ดาร์ อัซมุน กองหน้าจาก รูบิน คาซาน ในรัสเซีย ยิงให้ทีมชาติไปแล้ว 23 ตุง จาก 32 นัด อาลิเรซ่า จาฮันบักช์ จาก เอแซด อัล์คมาร์ ยิงไป 21 ประตูใน 32 แมตช์ ที่เนเธอร์แลนด์ รวมทั้งยังแอสซิสต์อีก 12 ประตู ไม่นับรวมแนวรุกคนอื่นๆ ที่อันตรายไม่ต่างกัน อยู่ที่ว่าเครอซจะจัดทัพอย่างไรให้ลงตัว

อิหร่านเคยเข้าฟุตบอลโลก รอบสุท้าย มาแล้ว 4 ครั้ง ตกรอบแรกทุกครั้ง มาครั้งนี้ต้องเจอกับแชมป์ยูโร 2016 อย่าง โปรตุเกส ทีมเต็งอย่าง สเปน และ โมร็อกโก โอกาสที่จะรอดผ่านเข้ารอบต่อไปได้นั้นน้อยถึงน้อยมาก ถึงแม้จะมีกองหน้าที่เจ๋งขนาดไหน แต่แนวรับของอิหร่านชุดนี้ไม่น่าจะหยุดความโหดร้ายของดาวยิงในท็อปทีมของยุโรปอยู่

เกาหลีใต้ (ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 57)
ทีมโสมขาวเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 9 ครั้งติดต่อกันแล้ว ถือเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จในรอบคัดเลือกมากที่สุดของเอเชีย

นักเตะของเกาหลีใต้หลายคนค้าแข้งอยู่ในยุโรป ซอน เฮือง มิน กองหน้า ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ถูกยกให้เป็นตัวความหวังของทีม เพราะผลงานที่โดดเด่นในฤดูกาลที่ผ่านมา ยิงไป 18 ประตู เมื่อประสานงานกับ ฮวาง ฮี ชาน จาก เร้ดบูลล์ ซัลบวร์ก กองหน้าวัย 22 ปีที่หลายทีมในอังกฤษหมายตา และ อี แจ ซอง ซุป’ตาร์จากเคลีก ที่ถูกยกให้เป็นอาวุธลับของทีมในเวลานี้ แนวรุกของเกาหลีใต้น่าจะหวือหวาเอาการทีเดียว จนได้รับการหมายตาว่าเป็นยุคทองของฟุตบอลเกาหลีใต้เลยทีเดียว

ชิน แต ยอง กุนซือวัย 49 ปี เข้ามารับหน้าที่ใน 2 นัดสุดท้ายของรอบคัดเลือก และสามารถพาทีมเข้ามาสู่รอบสุดท้ายได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามการเข้ามาทำหน้าที่ของเขาในรอบคัดเลือก ทีมโสมขาวเสมออิหร่าน และ อุซเบกิสถาน แบบไร้สกอร์ทั้งคู่ เกมอุ่นเครื่อง 8 เกม ในปีนี้ ชนะได้ 2 เป็นการชนะ ฮอนดูรัส  และ มอลโดวา ที่ไม่แกร่งนัก

สวีเดน, เม็กซิโก, เยอรมนี เป็นคู่แข่งร่วมกลุ่มใรฟุตบอลโลกหนนี้ เกาหลัใต้ไม่ได้ดูเหนือกว่าทีมไหนเลย อาจจะลุ้นสูสีกับสวีเดน, เม็กซิโก เพื่อแย่งกันเข้ารอบสอง

ญี่ปุ่น (ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 61)
ญี่ปุ่นเป็นทีมมาตรฐานสูงของเอเชีย ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์มาได้แล้ว 2 ครั้ง แต่การเปลี่ยนเฮดโค้ชจาก วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช ชาวบอสเนีย เป็น อาคิระ นิชิโนะ ก่อนการแข่งขันรอบสุดท้าย แค่ 2 เดือน ทำให้เวลาในการทำความเข้าใจทีมน้อยเกินไป เป็นเรื่องที่แฟนบอลเป็นห่วงมากที่สุด

ในเรื่องของนักเตะนั้น มีสตาร์ล้นทีม ชินจิ คากาวะ จาก  โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, เคสึเกะ ฮอนดะ อดีตจอมทัพ เอซี มิลาน, มาโกโตะ ฮาเซเบะ มิดฟิลด์ตัวรับ แฟร้งเฟิร์ต, ชินจิ โอกาซากิ กองหน้า เลสเตอร์ ซิตี้ ชื่อชั้นแต่ละคนไม่ธรรมดาทั้งนั้น

ทีมปลาดิบอยู่ในกลุ่มที่เบาที่สุด ถ้าเทียบเพื่อนร่วมทวีปเอเชียด้วยกัน โคลอมเบีย, เซเนกัล, โปแลนด์ โอกาสที่จะเข้ารอบสองเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์เปิดกว้างมาก อยู่ที่ นิชิโนะจะจูนทีมให้ออกมาดีได้ทันเวลาหรือไม่ เพราะกลุ่มนี้ถือว่าแพ้-ชนะกันได้ทุกทีม

ซาอุดิอาระเบีย ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 67)
ห่างหายจากฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายไป 12 ปี ซาอุดิอาระเบียกลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางความกดดันที่ถาโถมมาจากสื่อและแฟนบอลในประเทศ ว่าจะสามารถทำผลงานได้ดีขนาดไหน ในเมื่อสโมสรฟุตบอลจากดินแดนเศรษฐีน้ำมันมีคลับไลเซนซิ่งไปเล่นฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เพียง 2 ทีม ในฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้หลายทีมต้องส่งนักเตะไปเล่นในสเปนด้วยสัญญายืมตัว ซึ่งก้ได้โอกาสลงเล่นน้อยนิดมาก

ยิ่งไปกว่านั้น การเมืองยังเข้ามาแทรกแซงวงการฟุตบอลทั้งในและนอกสนาม มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม 6 คน ในรอบ 5 ปี ฮวน อันโตนิโอ ปิซซี่ เฮดโค้ชจะสามารถจัดการเรื่องรบกวนใจได้ดีขนาดไหนยังไม่มีใครรู้ได้

โมฮัมหมัด อัล ซาห์ลาวี กองหน้าตัวเก่งถูกส่งไปซ้อมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 สัปดาห์ ด้วยสัญญาด้านการค้า ซัลมาน อัล ดอว์ซารี่ ถูกยืมตัวไปโชว์ฝีเท้ากับ บียาร์รีล ในสเปน และโชว์ผลงานได้น่าพอใจ

การอยู่กลุ่มเดียวกับ “เจ้าภาพ” รัสเซีย, อุรุกวัย, อียิปต์ และได้ประเดิมสนามนัดแรกกับอียิปต์ อาจมีเซอร์ไพรส์ที่ซาอุดิอาระเบียจะเก็บ 3 แต้มได้ในรอบ 20 ปี แต่ก็ต้องลุ้นว่า การเมืองจะไม่เข้ามาแทรกแซงจนกดดันให้กุนซือของทีมต้องบินกลับกลางทางเสียก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image