ทำนายว่าที่ ‘แชมป์โลก 2018’ ผ่านประวัติศาสตร์และสถิติ

สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษได้ทำนายแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 จากปัจจัยต่างๆ และประวัติศาสตร์เก่าๆ มาวิเคราะห์ได้อย่างน่าสนใจ

เริ่มจากทีมวาง
ประวัติศาสตร์บอกไว้ว่าทีมที่เป็นทีมวางของกลุ่มมักจะเป็นแชมป์ ยกเว้นแค่ฟุตบอลโลก 1986 ที่อาร์เจนตินาเป็นแชมป์จากหัตถ์พระเจ้าของ ดิเอโก้ มาราโดน่า เบื้องต้นบีบีซีเลือก 8 ชาติที่เป็นทีมวางออกมา ได้แก่ รัสเซีย, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, โปรตุเกส, โปแลนด์, บราซิล, อาร์เจนตินา, เบลเยียม

ต้องไม่ใช่เจ้าภาพ
การให้เจ้าภาพเป็นทีมวางของกลุ่มเอเป็นกฎมาแล้วถึง 44 ปี อย่างไรก็ตามการใช้กฎนี้ในทุกครั้งที่ผ่านมา เจ้าภาพกรุยทางไปถึงแชมป์ได้เพียงครั้งเดียว คือ ฝรั่งเศส ในศึกฟร้องซ์ 98 ดังนั้นรัสเซียจึงต้องเป็นตัวเลือกที่ถูกตัดไปอีก 1 ทีม

Advertisement

สถิติการยิงและเสียประตู
ในยุคที่ฟุตบอลโลกแข่งขันในรูปแบบ 32 ทีม แข่งมาแล้ว 5 ครั้ง ทีมที่ได้แชมป์จะต้องไม่โดนยิงเกิน 4 ประตูจากการลงเตะ 7 แมตช์ ซึ่งโปแลนด์มีสถิติในการเล่นเกมรับแย่สุดใน 7 ทีมตัวเลือกที่เหลือ โดยมีสถิติเสียประตู 1.4 ตุงต่อแมตช์ ขณะที่เยอรมนีและโปรตุเกสเสีย 0.4 ประตูต่อแมตช์ เบลเยียมและฝรั่งเศส 0.6 ประตูต่อแมตช์ บราซิล 0.61 ประตูต่อแมตช์ และอาร์เจนตินา 0.88 ประตูต่อแมตช์ โปแลนด์จึงต้องตกรอบไป

เป็นทีมจากยุโรปเท่านั้น
ฟุตบอลโลกที่จัดแข่งขันในแผ่นดินยุโรป แชมป์ 9 จาก 10 ครั้งก็เป็นทีมจากยุโรป มีเพียงปี 1958 ที่ประเทศสวีเดน ที่บราซิลคว้าแชมป์ไปครอง ขณะที่ 2 ครั้งหลังสุด แม้จะไม่ได้จัดที่ยุโรป ทีมจากอเมริกาใต้ก็ยังไม่สามารถเบียดแย่งแชมป์ไปได้ (ปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ สเปนคว้าแชมป์, ปี 2014 ที่บราซิล เยอรมนีคว้าแชมป์) แคนดิเดทที่เหลือมีเพียงโปรตุเกส, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, เบลเยียม

มีผู้รักษาประตูที่ดีที่สุด
สถิติระบุไว้ว่าทีมที่ได้แชมป์โลกไม่จำเป็นต้องมีดาวซัลโวอยู่ในทีม แต่ต้องมีผู้รักษาประตูฝีมือดีที่โชว์ฟอร์มเยี่ยมในทัวร์นาเมนต์ด้วย
ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า ทีมที่มีดาวซัลโวเคยได้แชมป์โลก 2 ครั้ง คือ บราซิล ปี 2002 ที่มี โรนัลโด้ และสเปน ปี 2010 ที่มี ดาบิด บีย่า แต่ทีมที่มีผู้รักษาประตูได้รางวัลถุงมือทองคำนั้น เคยชูถ้วยแชมป์โลกถึง 4 ครั้ง
ถ้ายึดตามสถิติ มานูเอล นอยเออร์ (เยอรมนี), ธิโบต์ กูร์ตัวส์ (เบลเยียม), อูโก้ โยริส (ฝรั่งเศส) ถือว่าอยู่ในข่าย
ดังนั้นตัดโปรตุเกสของ รุย ปาตริซิโอ ออกไปอีกทีม

Advertisement

ประสบการณ์เป็นเรื่องสำคัญ
ประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้อีกว่า การจะเป็นแชมป์โลกได้ต้องมีนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ ตัวอย่างมีให้เห็น เยอรมนี แชมป์โลกครั้งที่แล้ว มีนักเตะติดทีมชาติรวมกันเฉลี่ย 42.21 แมตช์ สเปน แชมป์โลก ปี 2010 เฉลี่ยที่ 38.30 แมตช์ ส่วนอิตาลี แชมป์ปี 2006 เฉลี่ย 32.91 แมตช์
เมื่อพิจารณาจาก 3 ชาติที่เหลือในตัวเลือก เบลเยียม 45.13 แมตช์, เยอรมนี 43.26 แมตช์ และฝรั่งเศส 24.56 แมตช์
เป็นอันว่าเบลเยียมเข้าไปชิงชนะเลิศกับเยอรมนี

แชมป์เก่าไม่เข้าวิน
หลังจากที่บราซิลคว้าแชมป์ 2 สมัยติดในปี 1958, 1962 ก็ไม่เคยมีชาติไหนป้องกันแชมป์ได้อีกเลย แถมสถิติยังบอกด้วยว่า แชมป์เก่ามักจะไปไม่ไกลเกินรอบ 8 ทีมสุดท้าย มีเพียงอาร์เจนตินา(แชมป์ปี 1986) ในปี 1990 และบราซิล(แชมป์ปี 1998) ในปี 2002 ที่เข้าไปได้ แต่ก็ไม่มีใครถึงแชมป์สักทีม ยิ่งไปกว่านั้น แชมป์เก่า 4 ครั้งหลัง ตกรอบแบ่งกลุ่มไปถึง 3 ทีม (ฝรั่งเศส ตกรอบแรก ปี 2002, อิตาลี ตกรอบแรก ปี 2010 และสเปน ตกรอบแรก ปี 2014)

เมื่ออ่านจากประวัติศาสตร์ทั้งหมดแล้ว เบลเยียม จะเป็นแชมป์โลกสมัยแรก ในแผ่นดินรัสเซีย

เอาเป็นว่าอ่านกันพอสนุกๆ ส่วนเรื่องจริง ติดตามจากการฟาดแข้งในสนามนะขอรับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image