กมธ.กีฬา ถก โปรโมเตอร์-ผู้ตัดสิน แก้ พ.ร.บ.มวย ไฟเขียวงบ41ล้านเยียวยาโควิด
ดร.สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการศึกษาพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2562 ในคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 3 ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ (สผ.) 409 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา เกียกกาย เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม
สำหรับการประชุมได้มีการเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องในวงการกีฬามวย 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้จัดการแข่งขันกีฬามวย (โปรโมเตอร์) ประกอบด้วย ตัวแทนจากบริษัท วันทรงชัย จำกัด, มวยไทยเกียรติเพชร, ค่ายมวยเพชรยินดี, ค่ายมวยจิตรเมืองนนท์, ค่ายมวย ส.สมหมาย, บริษัท นครหลวงโปรโมชั่น จำกัด, ค่ายมวย ต.สุรัตน์ และกลุ่มผู้ตัดสินกีฬามวย เข้าร่วมประชุม เพื่อร่วมกันพิจารณาปัญหา และอุปสรรคในการบังคับใช้ พ.ร.บ.กีฬามวย พ.ศ.2562 อีกด้วย
ประธานแจ้งต่อที่ประชุมว่า ตามที่ได้มีการประกาศแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการศึกษา พ.ร.บ.กีฬามวย พ.ศ.2562 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีกำหนดเวลาดำเนินการ 60 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 22 สิงหาคม แต่เนื่องจากการดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จ จึงต้องรายการต่อคณะอนุกรรมาธิการฯ ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ เพื่อขอมติขยายเวลาให้ดำเนินการต่อไปอีก 30 วัน
ดร.สมบูรณ์ กล่าวว่า จากการที่คณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ได้ติดตาม และเร่งรัดเรื่องการหางบประมาณเพื่อให้การช่วยเหลือกลุ่มนักกีฬาอาชีพ และนักกีฬามวย ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ได้มีมติอนุมัติงบประมาณในส่วนเงินเหลือจ่ายจากการปรับแผนงบประมาณของคณะกรรมการกีฬาอาชีพ และคณะกรรมการกีฬามวย ในวงเงิน 41,295,000 บาท ได้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะดำเนินการเบิกจ่ายตามระเบียบต่อไป
ดร.สมบูรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ทางคณะอนุกรรมาธิการ ได้เชิญบุคคลในวงการมวยอย่างโปรโมเตอร์, ค่ายมวย และผู้ตัดสิน เข้ามาร่วมประชุมหารือ และแสดงความคิดเห็น เพื่อนำไปเป็นข้อคิดเห็นเป็นวิธีในการปรับแก้ พ.ร.บ.กีฬามวย และพัฒนาวงการมวยไทยต่อไป ซึ่งประเด็นสำคัญก็อยู่ที่เรื่องอายุของนักมวยเยาวชน และวันพักของนักมวยเวลาขึ้นชกในแต่ละครั้ง
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการเสนอว่า ที่ผ่านมาวงการมวยไทยมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในอดีตกว่า 20 ปี ซึ่งก็อยากเสนอให้มีการจัดตั้งสถาบันมวยไทยแห่งชาติขึ้นมา โดยให้มีการจัดตั้งเป็นนิติบุคคล หรือเป็นหน่วยงานอยู่ภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อดูแลในภาพรวมของวงการมวยไทย ซึ่งคิดว่าก็น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ของวงการมวยไทยได้ ส่วนกฏหมายมวยก็จะต้องมาทบทวนกันว่า จะต้องรื้อทั้งฉบับ หรือแค่บางมาตราเท่านั้น
