ลิเวอร์พูล ฟอร์มดี แต่ยังดีได้มากกว่านี้ ยิ่งกว่านั้นยังมีเกมที่ต้องพิสูจน์ตัวเองใน 2 นัดต่อไป
เสาร์ที่ 1 กันยายน บุกเยือน เลสเตอร์ เสาร์ที่ 15 กันยายนเยือน สเปอร์ส ไม่ง่ายทั้งคู่นะครับ
หงส์แดงชนะมา 3 นัดรวดแบบไม่เสียประตู เกมรวมๆ น่าประทับใจ ดีกว่าปีก่อนชัดเจน แต่ก็มองเห็นบางจุดที่ยังสุ่มเสี่ยง
ประตู อลิสซอน เหนียวหนึบจริง แต่การใช้เท้าเล่นบอลบ่อยกลายเป็นเป้าให้คู่แข่งชิงจู่โจม นัดล่าสุดกับ ไบรท์ตัน ก็หวุดหวิดจะพลาดอยู่หนหนึ่ง
ซาดิโอ มาเน่ จี๊ดจ๊าดและแข็งแกร่ง เสียแค่ติดเล่นด้วยอารมณ์มากไปหน่อย บางนัดขาดสมาธิจนหลุดไปจากเกม ต้องปรับเรื่องความสม่ำเสมอ
โดยเฉพาะ 2 นัดที่รออยู่ข้างหน้า นักเตะหงส์ต้องท็อปฟอร์ม ต้องเนี้ยบมากๆ จึงจะมีสิทธิได้ 3 แต้มกลับบ้าน
จิ้งจอก อดีตแชมป์เสริมทีมเข้าท่า มีตัวใหม่เก่งๆ หลายคน เจมส์ แมดดิสัน ใช้เวลาแค่ 3 นัด ก็ชนะใจแฟนด้วยความฉลาดเหนือชั้น เป็นเพลย์เมกเกอร์ที่พังประตูได้ด้วย ส่วน ริคาร์โด้ เปเรร่า เข้ามายกระดับเกมฝั่งขวาให้หวือหวาขึ้นสามเท่า
ปัญหาคือกุนซือ โคล้ด ปูแอล ยังคิดไม่ตกว่าจะจับริคาร์โด้เล่นแบ๊กขวาหรือปีกขวาดี?
ผมว่าควรให้หมอนี่เล่นแบ๊กไปเหอะ เลสเตอร์ตัวรุกเยอะ แต่แบ๊กขวาเจ๋งๆ มีแค่คนเดียว ตัวอื่นอย่าง แดเนียล อมาร์ตี้ย์ ก็ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว
ริคาร์โด้ เปเรร่า กับเจมส์ แมดดิสัน จะเป็นอาวุธหลักของเจ้าบ้าน เสียดายที่ เจมี่ วาร์ดี้ ดันติดโทษแบน ไม่งั้นเกมบุกจิ้งจอกจะยิ่งอันตราย
บางที สถิติไม่เสียประตูของนายทวารอลิสซอน อาจจะโดนหยุดเอานัดนี้!
แต่ลิเวอร์พูลก็มาตรฐานสูงเกินกว่าจะแพ้
แฟนๆ อาจได้เห็นความหลากหลายทางแท็กติก กุนซือ เยอร์เก้น คล็อปป์ มีสิทธิปรับหมากมาเน้นสวนกลับ เปลี่ยนจากรับเป็นรุกเร็ว ซึ่งถ้าทำได้ดี จุดนี้หงส์แดงยังเหนือกว่าเลสเตอร์พอสมควร
การเปลี่ยนเกมเร็วของลิเวอร์พูลคือตัวตัดสิน กลางจิ้งจอกถึงเก่งแต่ยังรับกันช้า บางครั้งก็ยืนตำแหน่งไม่ดี
น่าจะเสร็จซาลาห์กับมาเน่
