เชลซี เป็นทีมแรกที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ในฤดูกาลนี้ สิงห์บุกหักปีกหงส์ 2-1 ในศึกคาราบาวคัพ กลางสัปดาห์ ทั้งที่โดนนำก่อน
แต่เป็นการคัมแบ๊กกลับมาที่สมควรจริงๆ
ทั้งคู่โรเทชั่นพอกัน ส่งตัวหลักลง 11 คนแรกแค่ 3 ราย ภาพรวมจึงอาจตัดสินคุณค่าแท้ๆ ไม่ได้
ลิเวอร์พูลชุดดีที่สุด ย่อมเก่งกว่าลิเวอร์พูลเมื่อคืนวันพุธ
แต่เชลซีที่ฟูลทีม ก็จะเก่งขึ้นไปอีก และบางทีอาจจะยังเหนือกว่าเหมือนเดิม!
วัดกันตัวๆ หงส์ดูดีมาก เมื่อ ซาลาห์, ฟิร์มิโน่, มาเน่, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และประตู อลิสซอน ลงสนามพร้อมกัน
แต่เชลซีมีทีมเวิร์ก มีแทคติคที่ส่งเสริมเกมรุกน่ากลัวกว่า
“ซาร์รี่บอล” จุดขายของกุนซือ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ให้อิสระกองกลางใช้จินตนาการในการเล่น สลับตำแหน่งกันได้ทั้งแนว ถ้าไม่นับ จอร์จินโญ่ ที่เป็นตัวพักบอล ยืนอยู่หน้ากองหลัง ตัวอื่นที่เหลือถูกสั่งให้จู่โจมเข้าเขตโทษ เติมขึ้นยิงให้หมด
กระทั่ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก็ยังไม่เว้น
พวกแถวสอง แผงมิดฟิลด์จึงเป้นทีเด็ดของซาร์รี่บอล ซึ่งแน่นอนว่า เพชรฆาตเบอร์หนึ่งก็คือ เอเด็น อาซาร์
อาซาร์อยู่ไปทั่ว ซ้าย-กลาง-ขวา ถ้าคุณจะหยุดเขา เกมรับต้องดีเลิศ กองหลังเก่งทุกคน ห้ามมีตัวอ่อนลงไปเป็นภาระเด็ดขาด
ลิเวอร์พูลโดนทีเด็ดอาซาร์ น็อกตกรอบคาราบาวคัพไปแล้ว เสาร์กลับมาเจอกันในพรีเมียร์ลีกที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ ก็น่ากลัวว่าจะมีสิทธิโดนซ้ำอีกดอก
ไม่รู้นะครับ หงส์แดงอาจเป็นแชมป์ปีนี้ แต่ผมว่าบอลชอง เยอร์เก้น คล็อปป์ แพ้ทางเชลซี
มันเร็วจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ไอ้ครั้นจะเพรสซิ่งตามถนัด คู่แข่งก็ชิงออกบอลก่อนทุกที
ถ้าจะมีโอกาส ลิเวอร์พูลคงต้องหวังจากเกมสวนกลับ ยอมเสียหน้าถอยมารับ เล่นคล้ายๆ เวสต์แฮมที่ยันเสมอเชลซีได้ 0-0 พอมีจังหวะสวนค่อยเร่งเกมเร็ว เน้นลูกแม่น อย่าใช้โอกาสเปลือง
สิงห์น้ำเงินบุกน่ากลัวก็จริง แต่กองหลังค่อนข้างช้า กลับตัวไม่ค่อยทันเวลาโดนโต้กลับ ถ้าหงส์สวนดีๆ ก็พลิกเกมได้ตลอด
กุนซือเยอร์เก้น คล็อปป์ เด่นเรื่องทรงพลัง แต่ถ้าจะดับเชลซี ต้องใช้ความละเอียดเข้าสู้
ไหว-ไม่ไหว รอดูกัน
