ชัยชนะเหนือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะทุลักทุเลไปบ้าง แต่ก็ทำให้ ลิเวอร์พูล มีสถิติสุดสวยหรู เก็บชัยครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้ง 7 นัดตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2019-20 และถ้านับย้อนไปถึงฤดูกาลที่แล้ว หงส์แดงสามารถเก็บชัยต่อเนื่องในเกมพรีเมียร์ลีกถึง 16 นัดติดต่อกัน
ความร้อนแรงต่อเนื่องในขณะนี้ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ และลูกทีม ขยับเข้าใกล้การลุ้นทำลายสถิติสำคัญถึง 3 สถิติในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว
ถ้านับเฉพาะการออกสตาร์ตฤดูกาลใหม่อย่างเดียว ในอดีตมีเพียง เชลซี ในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ เมื่อฤดูกาล 2005-06 เท่านั้นที่เปิดตัวได้ดีกว่าลิเวอร์พูลยุคนี้ โดยครั้งนั้นสิงห์บลูส์ซึ่งเวลาต่อมาก้าวไปป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ สามารถเก็บชัยได้ถึง 9 นัดรวด ก่อนจะไปสะดุดเสมอ เอฟเวอร์ตัน ในวันที่ 23 ตุลาคม 2005 แต่เมื่อผ่านไป 10 เกม ณ ตอนนั้น เชลซีก็มีแต้มนำโด่งที่หัวตาราง ทิ้งห่างอันดับ 2 ถึง 10 คะแนนเข้าไปแล้ว
ส่วนความพ่ายแพ้นัดแรกของเชลซีในฤดูกาลดังกล่าวคือเกมที่ 12 เมื่อพวกเขาบุกไปพ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด 0-1 แต่หลังจากนั้นก็กลับมาแกร่งอีก คว้าชัย 10 นัดรวดระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคมปี 2006 และเข้าป้ายคว้าแชมป์แบบชิลๆ โดยมี 91 คะแนน เหนือกว่าแมนฯยู รองแชมป์ 8 แต้ม
การจะไปให้ถึงสถิติของเชลซีนั้น หงส์แดงจำเป็นต้องเก็บชัยชนะ 2 นัดหลังจากนี้ให้ได้ นั่นคือเปิดบ้านคว้าชัยเหนือ เลสเตอร์ ซิตี้ จากนั้นบุกไปชนะปีศาจแดงที่โอลด์แทรฟฟอร์ด และถ้าทุกอย่างไปได้สวย พวกเขาก็มีสิทธิสร้างสถิติใหม่ ชนะ 10 นัดรวดได้ ถ้าสามารถเก็บชัยเหนือ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่แอนฟิลด์ ในวันที่ 27 ตุลาคม
นับเป็นความบังเอิญเล็กๆ เช่นกันที่สเปอร์สนั้นเป็นเจ้าของสถิติออกสตาร์ตในลีกสูงสุดของอังกฤษดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ย้อนไปตั้งแต่ยุคที่ยังเป็นฟุตบอลดิวิชั่น 1 ซึ่งครั้งนั้น ไก่เดือยทองสามารถเปิดฤดูกาล 1960-61 ด้วยการชนะ 11 นัดติดต่อกัน ก่อนจะก้าวไปคว้าแชมป์แบบสบายๆ
ส่วนแมนฯยูเองก็เคยชนะ 10 นัดติดเมื่อดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1985-86 แต่น่าสนใจที่ปีศาจแดงจบฤดูกาลแค่อันดับ 4 ขณะที่แชมป์ปีนั้นเป็นลิเวอร์พูลในยุคของ เคนนี่ ดัลกลิช ซึ่งควบตำแหน่งโค้ชและนักเตะไปพร้อมๆ กัน
สำหรับสถิติที่ 2 ที่หงส์แดงมีสิทธิทำลายในเร็วๆ นี้ คือสถิติการคว้าชัยชนะในเกมพรีเมียร์ลีกต่อเนื่องยาวนานที่สุด โดยสถิติปัจจุบันเป็นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ก้าวไปคว้าแชมป์ฤดูกาล 2017-18 ด้วยผลงาน 100 คะแนน โดยเก็บชัยถึง 18 นัดติดระหว่างทาง
หมายความว่า 3 เกมหลังจากนี้คือการพบกับเลสเตอร์, แมนฯยูไนเต็ด และสเปอร์ส ต่างก็มีเดิมพันการทำลายสถิติสำคัญของพรีเมียร์ลีกทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไปด้วย ถ้าชนะ 2 นัด ก็จะเทียบเท่าสถิติชนะต่อเนื่องมากที่สุดของเรือใบสีฟ้า แต่ถ้าเก็บชัยทั้ง 3 นัด ก็จะสร้างสถิติใหม่ ชนะ 19 นัดติดต่อกันขึ้นมาทันที
อีก 1 สถิติที่อาจต้องรอเวลานานกว่า 2 สถิติข้างต้น คือสถิติการคว้าชัยนอกบ้านติดต่อกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก โดยปัจจุบัน หงส์แดงเก็บชัยเกมเยือนไปแล้ว 8 นัดรวด เป็นสถิติดีที่สุดของสโมสร แต่สถิติสูงสุดของลีกเป็นการครองสถิติร่วมของเชลซีฤดูกาล 2007-08 ต่อด้วยต้นฤดูกาล 2008-09 และแมนฯซิตี้ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงธันวาคมปี 2017 ซึ่งทั้ง 2 ทีมต่างคว้าชัยนอกบ้าน 11 นัดต่อเนื่อง
เกมเยือน 4 นัดของหงส์แดงหลังจากนี้คือการบุกโอลด์แทรฟฟอร์ด ต่อด้วย แอสตัน วิลล่า, คริสตัล พาเลซ และ บอร์นมัธ ถ้าเก็บชัยถึงเกมกับพาเลซก็จะเทียบเท่าสถิติสูงสุด แต่ถ้าเลยไปไกลถึงบอร์นมัธก็จะทำลายสถิติทันที
ใน 4 เกมนี้ ว่ากันตามชื่อชั้นศักดิ์ศรี เกมที่น่าจะเหนื่อยที่สุดคงเป็นการเจอกับแมนฯยูไนเต็ด แน่นอนว่าผีแดงยุคนี้ไม่แกร่งเท่าก่อน แต่ศักดิ์ศรีของเกมแดงเดือดย่อมเพิ่มแรงฮึดให้กับนักเตะเจ้าถิ่นไม่มากก็น้อย
อีกทั้งยังมีสถิติน่าสนใจว่า ตั้งแต่คล็อปป์คุมทีมลิเวอร์พูลมา ยังไม่เคยเก็บชัยชนะที่โอลด์แทรฟฟอร์ดได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าจะเจอกับแมนฯยูภายใต้การคุมทีมของกุนซือคนไหนก็ตาม
แน่นอนว่า คล็อปป์พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สร้างแรงกดดันให้ลูกทีม และเลี่ยงที่จะวางเป้าหมายเฉพาะหน้าอย่างการเก็บชัยต่อเนื่อง โดยย้ำว่าสิ่งสำคัญคือการรักษามาตรฐานการเล่น และพยายามเก็บแต้มให้ได้อย่างสม่ำเสมอ
เพราะเป้าหมายหลักของหงส์แดงฤดูกาลนี้ไม่ใช่การทำลายสถิติใดๆ แต่เป็นเป้าใหญ่อย่างตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยมานานนั่นเอง
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
