จากกรณีข่าวลือสนั่นโลก เรื่องการเทกโอเวอร์สโมสร “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของกลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย หลังจากมีภาพและข่าวของริชาร์ด อาร์โนลด์ ผู้บริหารทีมปีศาจแดงบินไปพบปะกับกลุ่มทุนแดนเศรษฐีน้ำมัน ตัวแทนของเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา และยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ครอบครัวเกลเซอร์ เจ้าของสโมสร จะยอมขายหุ้นสโมสรก็ต่อเมื่อได้รับข้อเสนอราว 4,000 ล้านปอนด์ (1.56 แสนล้านบาท)
ล่าสุด แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ สื่อในประเทศอังกฤษเปิดเผยเบื้องหลังของข่าวนี้ โดยอ้างแหล่งข่าวภายในสโมสรที่เชื่อว่า ภาพถ่ายดังกล่าวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาเทกโอเวอร์สโมสรแต่อย่างใด แม้อาร์โนลด์จะรู้จักกับเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด แต่นั่นเป็นเพราะเขาเคยทำงานด้านโทรคมนาคมในซาอุดีอาระเบียมาก่อน
โดยการเดินทางไปซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ คาดว่าอาร์โนลด์น่าจะเดินทางไปหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าและแนวทางในการพัฒนาฟุตบอลมากกว่า หลังจากที่แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลงนามทำข้อตกลงกับหน่วยงานด้านการกีฬาของซาอุดีอาระเบีย (General Sport Authority) เพื่อร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมฟุตบอล มาตั้งแต่ปี 2017
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
โดยเมื่อเดือนกุมพันธ์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีด้านสื่อของประเทศซาอุดีอาระเบียเคยปฏิเสธข่าวลือว่า รายงานข่าวที่อ้างว่าเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย มีความสนใจที่จะเข้าเทกโอเวอร์สโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยเงิน 3,800 ล้านปอนด์ โดยชี้แจงว่า ทีมงานของแมนฯ ยูไนเต็ดพบปะกับตัวแทนกองทุนลงทุนสาธารณะซาอุดิอาระเบีย เพื่อพูดคุยถึงโอกาสในการเข้าเป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น
ซึ่งหากรวมกับการที่เอ๊ด วู้ดเวิร์ด รองประธานบริหารของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยืนยันผ่านสื่อเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า ครอบครัวเกลเซอร์ ไม่มีแผนที่จะขายทีมอย่างแน่นอน และยังมีแผนงานระยะยาวกับทีมในอนาคต ดังนั้น กระแสข่าวเทกโอเวอร์รอบล่าสุดนี้ จึงมีแนวโน้มว่าจะเป็นเพียงข่าวลือที่ถูกหยิบยกมาปั่นกระแสอีกครั้งก็เท่านั้น
