โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่าการส่งมาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าตัวเก่งซึ่งไม่ฟิตสมบูรณ์ลงสนามเป็นตัวสำรองนั้นเกิดผลเสียอย่างมาก เพราะดันเกิดอาการบาดเจ็บและต้องเปลี่ยนตัวออกในช่วงท้ายของเกมที่เปิดบ้านเฉือนชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-0 ในศึกเอฟเอคัพ อังกฤษ รอบ 3 นัดรีเพลย์ ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อคืนวันที่ 15 มกราคม ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ไปรอพบผู้ชนะระหว่างทรายเมียร์กับวัตฟอร์ดต่อไป
เกมนี้ แรชฟอร์ด ลงมาเป็นตัวสำรองในนาที 63 แต่ทว่าหัวหอกชาวอังกฤษกลับลงเล่นได้ไม่นาน เมื่อมีอาการบาดเจ็บหลัง จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในนาที 80 ทำให้ไม่มีความแน่ชัดว่าเขาจะพร้อมช่วยต้นสังกัดบุกทำศึก “แดงเดือด” กับลิเวอร์พูล ถึงสนามแอนฟิลด์ ในเกมพรีเมียรลีก อังกฤษ คืนวันที่ 19 มกราคมนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตามโซลชาร์หวังว่า แรชฟอร์ดจะสามารถฟิตทันช่วยปีศาจแดงทำศึก “แดงเดือด” กับลิเวอร์พูล ในคืนวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคมนี้
โซลชาร์ กล่าวว่า แรชฟอร์ด จะเข้ารับการทดสอบร่างกายอีกครั้ง เพื่อรอพิจารณาสำหรับเกมวันอาทิตย์นี้ต่อไป โดยอันที่จริงแล้ว ผมไม่อยากส่งแรชฟอร์ดลงสนามในเกมนี้ด้วยซ้ำ (ยังไม่ฟิตสมบูรณ์ จึงเป็นแค่ตัวสำรอง) แต่ตอนนั้นทีมต้องการชัยชนะจึงจำเป็นต้องเข็นเขาลงสนาม และนักเตะก็มีส่วนร่วมกับเกมจนทีมได้ประตู
“ที่ผ่านมา แรชฟอร์ดทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ ซึ่งเราจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เขาฟิตพร้อมที่จะลงสนามในเกมกับลิเวอร์พูลให้ได้ แรชฟอร์ดเป็นที่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้เร็ว แต่หากไม่ทันจริงๆ เราก็จำเป็นต้องลงสนามโดยที่ไม่มีเขา” โซลชาร์ กล่าว
ปัจจุบัน แรชฟอร์ด คือดาวยิงที่ทะลวงตาข่ายมากที่สุดของแมนฯ ยูในซีซํ่นนี้ โดยซัลโวไป 19 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทั้งหมด 30 นัดในทุกรายการ โดยในจำนวนนี้เป็นการยิงในพรีเมียร์ลีก อังกฤษถึง 14 ประตูกับ 4 แอสซิสต์
ทั้งนี้ ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในฟอร์มที่แข็งแกร่งสุดสุด หลังยังคงไร้พ่ายในศึกพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ โดยเก็บชัยชนะถึง 20 นัด และเสมอเพียงแค่ 1 เกม โดยเกมดังกล่าวคือการเสมอกับแมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งกุนซือปีศาจแดงยังกล่าวถึงเกมแดงเดือดกับลิเวอร์พูลในวันอาทิตย์นี้ โดยเชื่อมั่นว่าแมนฯ ยูไนเต็ดจะทำให้หงส์แดงเจอกับงานที่ยากลำบากอย่างแน่นอน เพราะตนเคยคุมปีศาจแดงดวลลิเวอร์พูล 2 ครั้งและเก็บผลเสมอได้ทั้งหมด แน่นอนว่าในเกมเหล่านั้นผีแดงก็หวังคว้าชัยชนะ แต่หากมองอีกมุมหนึ่งจากผลเสมอนั่นก็เป็นสิ่งที่เราสมควรได้รับ และยังแสดงให้เห็นว่าพวกเราค้นพบแนวทางที่สำหรับการต่อกรกับลิเวอร์พูลได้
