‘ซาร์รี่’ ชี้เหตุไม่กล้ามองแข้งสิงห์ดวลเป้า – ยกพรีเมียร์คือลีกที่ดีที่สุดในโลก

Photo : Reuters

เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ยอมรับว่าลูกทีมของตนไม่ได้ซ้อมการดวลจุดโทษมา ทำให้ทีมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนตนไม่กล้ามองการยิงเป้า 2 ลูกสุดท้าย ในเกมที่เชลซีเอาชนะจุดโทษไอน์ทรัค แฟร้งเฟิร์ต 4-3 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาทีด้วยสกอร์ 1-1 ประตู ในศึกฟุตบอลยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อคืนวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ผลงานนัดแรก เสมอกันมา 1-1 ขณะที่เกมนี้ เชลซี พังประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จาก รูเบน ลอฟตัส-ชีค ในนาทีที่ 28 แต่ช่วงครึ่งหลังนาทีที่ 49 แฟร้งค์เฟิร์ต ตีเสมอสำเร็จ 1-1 จากลูก้า โยวิช

จบ 90 นาที เสมอกัน 1-1 ทำให้สกอร์รวม 2 นัด เสมอกัน 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป แต่ยังไม่มีประตูเพิ่มเติม จนต้องตัดสินด้วยการยิงลูกจุดโทษ ปรากฏว่าเซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แบ๊กจอมบุกของเชลซีกลับยิงพลาด ก่อนที่เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายด่านสิงห์บลูส์จะเซฟจุดโษได้ถึง 2 ครั้ง และเป็นเอเด็น อาซาร์ แนวรุกตัวเก่งยิงปิดท้ายให้เชลซีเอาชนะจุดโทษด้วยสกอร์ 4-3 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

“ก่อนเกมนี้ตนและลูกทีมไม่ได้มีการฝึกซ้อมการยิงจุดโทษมา เนื่องจากเขาคิดว่าในการซ้อมใครๆ ก็สามารถทำได้ดีทั้งนั้น แต่เมื่อลงสู่สนามจริงความกดดันจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามผมไม่กล้ามองการดวลจุดโทษช่วง 2 ลูกสุดท้าย จึงไม่เห็นว่าเกปานั้นเซฟได้ยอดเยี่ยมเพียงใด” ซาร์รี่เปิดใจ

Advertisement

นอกจากนี้กุนซือเชลซียังเอ่ยปากอีกว่า ในตอนนี้พรีเมียร์ลีกคือลีกที่ดีที่สุดในยุโรปอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เพราะมีการแข่งขันที่สูงมากๆ และเชื่อว่าน่าจะเป็นลีกที่ดีที่สุดในโลกด้วย นอกจากนี้ยังไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่นักเตะในทีมจากแดนผู้ดีจะมีสภาพร่างกายที่ดีเมื่อเข้าสู่การแข่งขันช่วงสุดท้ายของซีซั่น เนื่องจากพรีเมียร์ลีกนั้นมีโปรแกรมเตะมากกว่าที่อื่นๆ ซึ่งในวันนี้น่าจะเป็นเกมที่ 61 ของเชลซีแล้ว แต่ถ้าเป็นในอิตาลีล่ะก็น่าจะเป็นเพียงเกมที่ 51 หรือ 52 เท่านั้นแหละ

โดยเชลซีจะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับอาร์เซน่อล ในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ จะจัดขึ้นที่กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน

สำหรับการเข้าชิงกันของเชลซีและอาร์เซน่อลในซึกยูโรป้าลีก และการชิงแชมป์ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกระหว่างลิเวอร์พูลและท็อตแนม ฮอตสเปอร์นั้น ส่งผลให้นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทีมจากชาติเดียวกัน 4 ทีม พาเหรดเข้าสู่รองชิงของทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในยุโรปทั้งสองรายการ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทีมจากสเปนและอิตาลีเคยพากันเข้ารอบชิงใน 2 ถ้วยมากที่สุด 3 ทีม โดยมี 1 ทีมจากชาตอื่นๆ สอดแทรกมาประปรายเท่านั้น

Advertisement

ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image