สกู๊ปพิเศษ : ล้วงลึกเบื้องหลัง ดีล ‘เนย์มาร์’ ล่ม!

REUTERS/Charles Platiau

หนึ่งในดีลที่หลายคนจับตามองตลอดช่วงตลาดซื้อขายยุโรปที่เพิ่งปิดตัวไปเมื่อวันที่ 2 กันยายน คือการย้ายทีมของ เนย์มาร์ ซุป’ตาร์ชาวบราซิเลียนของ ปารีส แซงต์แชร์แมง สู่ถิ่นเก่า บาร์เซโลน่า เพียง 2 ปีหลังย้ายจากถิ่นคัมป์นูด้วยค่าตัวสูงเป็นสถิติโลก

ก่อนหน้าจะจบฤดูกาลที่แล้ว มีรายงานว่าเนย์มาร์ซึ่งมีปัญหาบาดเจ็บต้องพักยาว แสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่อยากเล่นให้กับแชมป์ลีกเอิงต่อไปในฤดูกาลหน้า โดยมีเป้าหมายกลับสู่ลาลีก้า ถ้าไม่ใช่บาร์ซ่าก็เป็น รีล มาดริด คู่ปรับสำคัญ

ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนปิดตลาดไม่กี่วัน มีข่าวว่าทีมงานของบาร์ซ่าเดินทางไปปารีสเพื่อเจรจากับตัวแทนของเปแอสเช แต่แล้วดีลกลับไม่คืบหน้า และค่อยๆ เงียบหายไปพร้อมๆ กับการปิดตัวของตลาดซื้อขาย

มีกระแสข่าวว่า ปัญหาบาดเจ็บในเวลาไล่เลี่ยกันของสองแนวรุก คีเลียน เอ็มบัปเป้ และ เอดินสัน คาวานี่ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้บริหารเปแอสเชลังเลจะปล่อยตัวเนย์มาร์

Advertisement

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว บีบีซี ได้วิเคราะห์ล้วงลึกที่มาที่ไปของดีลเจ้าปัญหานี้ว่า อะไรที่เป็นสาเหตุให้ซุปเปอร์ดีลของนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกต้องหยุดชะงักลง

บีบีซีบอกว่า เหตุผลกว้างๆ ที่ทำให้ดีลล่มเพราะทั้งเปแอสเชและบาร์ซ่า ต่างฝ่ายต่างไม่เชื่อใจว่าอีกฝั่งมีเจตนาจะซื้อและขายเนย์มาร์จริงๆ

แต่ถ้าลงลึกในรายละเอียด ต้องย้อนไปราวเดือนเมษายนซึ่งเปแอสเชเริ่มตั้งโต๊ะเจรจาสัญญาใหม่กับแข้งดังชาวแซมบ้า

Advertisement

จริงๆ ตอนนั้นเนย์มาร์ไม่แฮปปี้กับสถานการณ์หลายอย่าง เช่น โดนแฟนตัวเองโห่เวลาผลงานไม่ดี ปัญหาขัดแย้งกับคาวานี่เพื่อนร่วมทีมเรื่องแย่งกันยิงจุดโทษ (ซึ่งเจ้าตัวคิดว่าแฟนบอลเข้าข้างคาวานี่มากกว่า) รวมถึงไม่พอใจที่กรรมการไม่ช่วยปกป้องและปล่อยให้เขาเป็นเป้าเสียบหนักๆ ของคู่ต่อสู้ จนนำไปสู่ปัญหาบาดเจ็บตั้งแต่เดือนมกราคม กระนั้นเขาก็ยังพร้อมที่จะเจรจาเรื่องต่อสัญญา

แต่แล้วในเดือนพฤษภาคม สถานการณ์เริ่มเปลี่ยน เมื่อบาร์ซ่าพ่ายให้ ลิเวอร์พูล แบบเสียหน้าจนอดเข้าชิงถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

เนย์มาร์และเมสซี่ยังรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเสมอมา Getty Images

ความพ่ายแพ้ดังกล่าวเป็นชนวนให้ โจเซป มาเรีย บาร์โตมิว ประธานสโมสรบาร์ซ่าตั้งมั่นจะดึงเนย์มาร์กลับทีมเพื่อแก้ปัญหาแนวรุก โดยแจ้งข่าวกับนักเตะตัวหลักๆ ในทีม อาทิ ลิโอเนล เมสซี่, เคราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ บุสเกตส์, หลุยส์ ซัวเรซ

ทั้งเมสซี่ ปิเก้ และซัวเรซ ต่างยังสนิทสนมกับเนย์มาร์ และติดต่อกันสม่ำเสมอ เมื่อทราบข่าวจากบาร์โตมิว ก็เลยแจ้งให้เนย์เมาร์รู้ทันที แม้แต่ตัวเมสซี่เองยังถึงขั้นออกปากว่า ด้วยวัย 32 ปีที่ใกล้เกษียณของเขา วันหนึ่งในอนาคตหากแข้งเทพชาวอาร์เจนไตน์วางมือ เนย์มาร์ก็น่าจะมาเป็นแกนหลักของบาร์ซ่าทดแทนตัวเองได้

ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้น สื่อก็ตีข่าวเรื่องบาร์ซ่าแอบตกลงล่วงหน้าว่าจะคว้าตัว อองตวน กรีซมันน์ จาก แอตเลติโก้ มาดริด ตั้งแต่เดือนมีนาคม

ยิ่งสถานการณ์การคว้าตัวกรีซมันน์ยิ่งชัดเจน ทำให้ปารีสยิ่งมั่นใจว่าบาร์ซ่าไม่น่าจะมีงบประมาณเพียงพอจะซื้อทั้งกรีซมันน์และเนย์มาร์ในตลาดซื้อขายเดียวกัน

ข่าวบอกว่า บาร์ซ่าถึงขั้นต้องไปกู้เงินธนาคาร 35 ล้านยูโร (1,190 ล้านบาท) เพื่อมาโปะค่าตัวแข้งดังชาวฝรั่งเศส เรื่องจะทุ่มงบเฉียดๆ 200 ล้านยูโร (6,800 ล้านบาท) เพื่อคว้าตัวเนย์มาร์จึงเป็นไปไม่ได้เลย!

ระหว่างนั้น สถานการณ์ภายในของเปแอสเชก็ไม่สู้ดี เมื่อ เลโอนาร์โด้ ที่กลับไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของสโมสรในเดือนมิถุนายน ดันไปวิจารณ์เนย์มาร์แรงๆ ต่อหน้า จนแข้งแซมบ้าถึงกับฉุนขาด

เลโอนาร์โด้ที่รู้ตัวว่าทำพลาดพยายามผ่อนหนักเป็นเบาด้วยการชมแข้งแซมบ้าออกสื่อ รวมทั้งยืนยันว่าสโมสรไม่คิดจะขายเขาในช่วงซัมเมอร์ แต่กลายเป็นยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงเพราะบาร์ซ่ามองว่าผู้บริหารเปแอสเชไม่มีจุดยืนที่ชัดเจน

เลโอนาร์โด้ ผู้อำนวยการสโมสรปารีส แซงต์แชร์แมง (Photo by Jean Catuffe/Getty Images)

ฝั่งบาร์ซ่าถึงจะเดินหน้าเจรจา แต่ก็ไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่าย จึงต้องเสนอนักเตะเป็นส่วนหนึ่งของดีล โดยยื่นข้อเสนอเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม แบ่งเป็นค่าตัว 115 ล้านยูโร (3,910 ล้านบาท) บวกโบนัส 15 ล้านยูโร (510 ล้านบาท) พ่วงนักเตะอีก 3 คน

เปแอสเชจิ้มนักเตะที่ต้องการ ได้แก่ กองหลัง ฌอง แคลร์ โทดิโบ, กองกลาง อีวาน ราคิติช และกองหน้า อุสมาน เด็มเบเล่ ที่จะเป็นสัญญายืมตัว

ปรากฏว่าเด็มเบเล่ปฏิเสธที่จะย้ายกลับบ้านเกิด แต่เปแอสเชก็ไม่ได้เร่งเร้ากดดันอะไร ทำให้บาร์ซ่าคิดว่าดีลนี้คงไม่จบง่ายๆ แน่นอน

แม้การเจรจาจะคืบหน้าโดยการต่อรองเงื่อนไขต่างๆ เช่น เปแอสเชเรียกค่าตัวเป็นเงินสด 150 ล้านยูโร (5,100 ล้านบาท) หรือเนย์มาร์เขียนจดหมายถึงต้นสังกัดบอกว่ายินดีจ่ายเงินรวม 20 ล้านยูโร (680 ล้านบาท) แบ่งเป็น 5 งวดเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของบาร์ซ่า (แต่กรณีนี้โดนตีตกเพราะผิดกฎวงการลูกหนังฝรั่งเศส)

ระหว่างนั้นก็มีข่าวว่าหลายทีมเคลื่อนไหวหวังเสียบแทนบาร์ซ่า ทั้งรีล มาดริด และ ยูเวนตุส แต่ก็โดนเปแอสเชปฏิเสธข้อเสนอไปหมด

อย่างไรก็ตาม ท่าทีที่ไม่ชัดเจนของทั้งเปแอสเชและบาร์ซ่าทำให้การเจรจาไม่ค่อยคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น นักวิเคราะห์มองว่า เรื่องนี้บาร์โตมิวมีแต่ได้กับได้ ถ้าเจรจาสำเร็จก็ได้เนย์มาร์กลับ แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็ยังพูดได้ว่าพยายามแล้ว แถมยังไม่ต้องมีหนี้ท่วมหัวจากค่าตัวและค่าเหนื่อยที่ต้องมหาศาลอย่างแน่นอน

ถึงตรงนี้เนย์มาร์เริ่มทำใจ และเข้าพบผู้บริหารเพียง 2-3 วันก่อนเปิดสนามลีกเอิงว่า ตัดสินใจที่จะอยู่กับทีมต่อไป แต่ปฏิเสธที่จะแจ้งเรื่องดังกล่าวผ่านสื่อตามที่ผู้บริหารร้องขอ

ความขัดเคืองที่ยังคาราคาซังนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเนย์มาร์กับผู้บริหารทีมโดยเฉพาะเลโอนาร์โดไม่ค่อยดีนัก ล่าสุดถึงขั้นมีข่าวลือว่า เปแอสเชเริ่มเหลืออด และพร้อมปล่อยแข้งแซมบ้าช่วงเปิดตลาดเดือนมกราคม

ว่ากันว่าเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ดีลนี้ไม่สำเร็จ เป็นเพราะกฎของวงการลูกหนังฝรั่งเศสที่ไม่อนุญาตให้ทีมต่างๆ ระบุค่าฉีกสัญญาในเงื่อนไข ทำให้การเจรจาค่าตัวไม่มีเพดานชัดเจน

ที่น่าสนใจคือ ตามกฎของฟีฟ่า ถ้านักเตะเล่นให้สโมสรใดๆ เป็นเวลา 3 ฤดูกาล จะสามารถยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการให้ประเมินค่าตัว และนักเตะสามารถจ่ายเงินซื้อสัญญาของตัวเองเพื่ออิสรภาพได้

ถ้าเนย์มาร์เล่นจนจบฤดูกาล 2019-20 ก็จะเข้าเงื่อนไขดังกล่าวพอดี ถึงเวลานั้นเจ้าตัวจะทำแบบนั้น (โดยมีว่าที่สังกัดใหม่ให้ความช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง) หรือไม่?

เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์!

ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
เพิ่มเพื่อน

Getty Images
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image