เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ หัวหอกเนื้อหอมของเร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ทีมดังออสเตรีย แสดงความมั่นใจพร้อมพาต้นสังกัดคว่ำแชมป์เก่า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในนัดชี้ชะตาเกมสุดท้าย ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มอี ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า หลังจากที่ซัลซ์บวร์กบุกชนะเกงค์ 4-1 เมื่อคืนวันที่ 27 พฤศจิกายน โดยฮาแลนด์ในวัย 19 ปี เพิ่งทำสถิติเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งคนแรกที่ยิงประตู 5 นัดติดในทัวร์นาเมนต์ระดับยุโรป
สถานการณ์กลุ่มอีหลังผ่านไป 5 นัด ลิเวอร์พูลเป็นจ่าฝูง มี 10 คะแนน (ผลต่าง +3) ตามมาด้วยนาโปลีอันดับ 2 มี 9 แต้ม (ผลต่าง +3) ซัลซ์บวร์กอันดับ 3 มี 7 แต้ม (ผลต่าง +5) จึงต้องมาตัดสินอนาคตในนัดสุดท้าย นาโปลีเฝ้ารังเจอเกงค์ทีมบ๊วยที่มีแค่ 1 แต้ม (ผลต่าง -11) ตกรอบแล้ว ส่วนซัลซ์บวร์กมีคิวเปิดบ้านชี้ชะตากับหงส์แดง โดยสองคู่เตะพร้อมกันในคืนวันที่ 10 ธันวาคม
ทั้งนี้ ในรอบแบ่งกลุ่ม หากทีมใดมีแต้มเท่ากันจะตัดสินด้วยผลเฮดทูเฮด เริ่มจากคะแนนที่เจอกันเอง, ผลต่างประตูของสองทีม, จำนวนที่ยิงได้ และอะเวย์โกลที่ทำได้ เป็นต้น โดยสถิติเฮดทูเฮดในกลุ่มอี (ทีมแรกคือเจ้าบ้าน) นาโปลี ชนะ ลิเวอร์พูล 2-0 ส่วนลิเวอร์พูล เสมอ นาโปลี 1-1, ซัลซ์บวร์ก แพ้ นาโปลี 2-3 ขณะที่ นาโปลี เสมอ ซัลซ์บวร์ก 1-1 และลิเวอร์พูล ชนะ ซัลซ์บวร์ก 4-3 เหลือซัลซ์บวร์ก เจอ ลิเวอร์พูล นัดสุดท้าย
สรุปเงื่อนไขลุ้นเข้ารอบกลุ่มของซัลซ์บวร์ก คือต้องชนะ ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์มากกว่า 2 ลูกขึ้นไป แต่หากชนะด้วยผลต่าง 1 ลูก ต้องอยู่ภายในสกอร์ 1-0, 2-1, 3-2 และ 4-3 เท่านั้น
ด้านลิเวอร์พูล หากหวังเข้าไปป้องกันแชมป์ จะต้อง 1.เสมอ หรือ ชนะ ซัลซ์บวร์ก (ไม่ต้องสนผลการแข่งขันอีกคู่) 2.แพ้ ซัลซ์บวร์ก สกอร์เท่าไหร่ก็ได้ ขณะที่นาโปลีแพ้เกงค์ และ 3.แพ้ ซัลซ์บวร์ก ด้วยผลต่าง 1 ลูก ตั้งแต่สกอร์ 4-5 ขึ้นไป
ขณะที่สถานการณ์ของนาโปลี มีตัวเลือกคือ 1.เสมอ หรือ ชนะ เกงค์ (ไม่ต้องสนผลอีกคู่) และ 2. แพ้ เกงค์ ขณะที่ ซัลซ์บวร์ก แพ้ ลิเวอร์พูล
“พวกเขา (ลิเวอร์พูล) คือทีมที่ดีที่สุดในโลก แต่พวกเรา (ซัลซ์บวร์ก) ก็รู้ตัวเองดีว่ามีความแข็งแกร่งในบ้านมากแค่ไหน ซึ่งหากทุกคนในทีมเล่นแบบท็อปฟอร์มได้ล่ะก็ เชื่อว่าซัลซ์บวร์กก็มีโอกาสเช่นกัน (ชนะลิเวอร์พูล)” ฮาแลนด์ ระบุ