โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ยิงประตูในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทาบสถิติของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ หัวหอกชาวโปรตุเกส เป็นที่เรียบร้อย หลังจากซัลโว 1 ประตู ช่วยให้บาเยิร์นบุกชนะ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี 3-0 ถึงถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ 3-0 ในเกมการแข่งขัน นัดแรก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันที่ 25 กุมภาพันธ์
ทำให้ บาเยิร์น กุมความได้เปรียบเอาไว้ได้ก่อนโดยมีอะเวย์โกลตุนไว้ถึง 3 ลูก ส่วนโปรแกรมนัดที่ 2 จะกลับไปเตะกันที่อัลลิอันซ์ อารีนา รั้งเหย้าเสือใต้ ในคืนวันที่ 18 มีนาคม
จากผลงานดังกล่าว ส่งผลให้เลวานดอฟสกี้ยิงไป 11 ประตูจากการลงสนาม 7 แมตช์ในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งนับเป็นสถิติที่ดีที่สุดของตัวเองต่อการลงเล่นใน 1 ฤดูกาลของทัวร์นาเมนต์นี้ นอกจากนี้ยังทำให้เขาทำสถิติยิงประตูในฐานะทีมเยือนเป็นลูกที่ 9 เทียบเท่ากับโรนัลโด้ ที่บันทึกไว้ในฤดูกาล 2013-14 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกของโรนัลโด้กับรีล มาดริด ยักษ์ใหญ่ในสเปน ที่สุดท้ายเจ้าตัวก็คว้าแชมป์บิ๊กเอียร์กับต้นสังกัด
ขณะเดียวกัน แซร์จ กนาบรี้ ปีกตัวจี๊ดชาวเยอรมนัน ที่ยิงใส่เชลซีคนเดียว 2 ประตู ทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถบุกมาทำประตูได้อย่างน้อย 2 ลูกในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ นอกจากนี้ ยังเป็นนักเตะคนที่ 2 ที่ทำได้ในรอบน็อคเอาต์ต่อจากที่โรนัลดินโญ่ ตำนานจอมพลิ้วชาวบราซิเลียน ที่ทำไว้เมื่อปี 2005 แต่สุดท้ายเกมนั้นบาร์ซ่าบุกแพ้ 2-4 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเลก 2
โดยหลังจบเกมนี้ กนาบรี้ ได้โพสต์ทวิตเตอร์ส่วนตัว @SergeGnabry โดยเป็นรูปดีใจฉลองทำประตู พร้อมข้อความว่า “ลอนดอนยังคงเป็นสีแดง” ซึ่งสื่อถึงสโมสรอาร์เซน่อล ซึ่งเป็นทีมในลอนดอนเช่นเดียวกับเชลซี โดยกนาบรี้เคยค้าแข้งกับปืนใหญ่ในระหว่างปี 2011-2016
London still red.. #FCB pic.twitter.com/3108THrtzv
— Serge Gnabry (@SergeGnabry) February 25, 2020