นับถอยหลังก่อนดวลแข้ง สิงโตสาว VS อินทรีเหล็ก ศึกชิงเจ้ายุโรปทีมหญิงคืนนี้

เบธ มีด (ซ้าย) และอเล็กซานดร้า ป๊อปป์ (REUTERS)

นับถอยหลังก่อนดวลแข้ง สิงโตสาว VS อินทรีเหล็ก ศึกชิงเจ้ายุโรปทีมหญิงคืนนี้

ศึกฟุตบอลหญิง ยูโร 2022 ดำเนินมาใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว โดยในรอบชิงชนะเลิศ ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ ประเทศอังกฤษ ในคืนวันที่ 31 กรกฎาคม เวลา 23.00 น. จะเป็นการดวลกันระหว่าง 2 ชาติคู่ปรับ “สิงโตคำราม” อังกฤษ และ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี

ทีมชาติอังกฤษเจ้าภาพในปีนี้ ผ่านการแข่งขันภายในกลุ่มมาสบายๆ ด้วยผลงานชนะ 3 นัดรวด เป็นแชมป์ของกลุ่มเอ ก่อนจะเสียประตูแรกให้กับสเปนในรอบก่อนรองชนะเลิศ แต่ยังชนะกลับมาได้ 2-1 ส่วนการแข่งขันรอบรองชนะเลิศสิงโตสาวถล่มสวีเดน 4-0 ขณะที่เยอรมนีทีมแชมป์ 8 สมัย ชนะติด 3 นัดเช่นเดียวกัน คว้าแชมป์กลุ่มบี ไม่เสียประตูจากการโดนคู่แข่งยิงเลย 5 เกม แม้ว่าจะทำเข้าประตูตัวเองไป 1 นัดก็ตาม

ก่อนจะถึงเวลาดวลแข้งเพื่อหาแชมป์ ลองไปดูสถิติและความพร้อมของทั้ง 2 ทีมกันก่อน

ผลงาน 5 นัดหลังสุด
อังกฤษ
ชนะ ออสเตรีย 1-0 (รอบแบ่งกลุ่ม)
ชนะ นอร์เวย์ 8-0 (รอบแบ่งกลุ่ม)
ชนะ ไอร์แลนด์เหนือ 5-0 (รอบแบ่งกลุ่ม)
ชนะ สเปน 2-1 (รอบก่อนรองชนะเลิศ)
ชนะ สวีเดน 4-0 (รอบรองชนะเลิศ)

ADVERTISMENT

เยอรมนี
ชนะ เดนมาร์ก 4-0 (รอบแบ่งกลุ่ม)
ชนะ สเปน 2-0 (รอบแบ่งกลุ่ม)
ชนะ ฟินแลนด์ 3-0 (รอบแบ่งกลุ่ม)
ชนะ ออสเตรีย 2-0 (รอบก่อนรองชนะเลิศ)
ชนะ ฝรั่งเศส 2-1 (รอบรองชนะเลิศ)

ซาริน่า วิกแมน กุนซือทีมสิงโตสาว (REUTERS/Dylan Martinez)

สถิติการพบกัน
จากการพบกัน 27 ครั้ง ในระยะเวลา 38 ปี ทีมชาติอังกฤษชนะได้เพียง 2 ครั้ง และเสมอ 4 ครั้ง ส่วนเยอรมนีชนะไปถึง 21 ครั้ง อย่างไรก็ดี ภายใต้การนำของ ซาริน่า วิกแมน กุนซือชาวดัตช์ ทีมสิงโตสาวได้ทำสถิติชนะได้ติดต่อกันถึง 19 นัด ก่อนจะชนะทีมชาติเยอรมนี 3-1 ในอาร์โนลด์ คลาร์ก คัพ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ดี ในการที่เจอกันที่เวมบลีย์ครั้งล่าสุดในปี 2019 อังกฤษพ่ายให้กับเยอรมนี 1- 2 ทำให้การพบกันครั้งนี้ เปรียบเสมือนการแก้มือจากการแข่งขันของทั้ง 2 ทีม และมีผู้ชมสนใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งบัตรของการแข่งขันทั้ง 90,000 ที่นั่งก็ได้ขายออกไปหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ผู้เล่นโดดเด่น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสั่งการของวิกแมนมีผลทางบวกกับทีมเป็นอย่างมาก เธอสามารถจัดการและควบคุมการเล่นของนักเตะได้เป็นอย่างดี แม้แต่สวีเดนที่เป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้สำคัญก็ยังไม่สามารถต่อกรกับสิงโตสาวได้

ทั้งนี้ อีกหนึ่งความสำเร็จของทีมชาติอังกฤษคงจะหนีไม่พ้น เบธ มีด กองหน้าจากทีมอาร์เซน่อล ที่ยิงไป 6 ประตู หนึ่งในตัวเต็งรางวัลรองเท้าทองคำในการแข่งขันครั้งนี้ มีดทำแฮตทริกได้ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มกับนอร์เวย์ และยิงได้ 4 จาก 5 เกม เป็นกองหน้าคนสำคัญของสิงโตสาว

ด้าน เลอาห์ วิลเลียมสัน กองหลังกัปตันของทีมเองก็เช่นกัน เธอถูกขนานนามว่าเป็น “สัญลักษณ์แห่งความสงบ” เพราะสามารถจัดการเกมรับภายในสนามได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น มิลลี่ ไบรท์ กองหลังดาวรุ่งจากเชลซี ก็สำคัญไม่แพ้กัน เธอเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ในการแข่งขัน 4 เกมล่าสุด และได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าในนัดเจอกับสเปน

REUTERS/Molly Darlington

ฝั่งทีมชาติเยอรมนี ผู้เล่นคนสำคัญที่สุดคือ อเล็กซานดร้า ป๊อปป์ กัปตันดาวยิงจากโวล์ฟบวร์ก ที่เพิ่งกลับมาเล่นหลังต้องพักไปด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรงที่หัวเข่า การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้สื่อต่างประเทศเปรียบเทียบว่าเธอเป็นผู้สร้าง “ป๊อปป์ส ป๊อป เอฟเฟค” (Popp’s pop effect) เนื่องจากเป็นนักเตะหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถยิงได้ติดต่อกัน 5 เกมในการแข่งขันฟุตบอลยุโรป ทั้งยังเป็นผู้ยิงประตูที่ 100 และ 101 ให้ทีมชาติเยอรมนี ทำให้อินทรีเหล็กสาวกลายเป็นทีมแรกที่สามารถยิงได้ถึง 100 ประตู ทั้งยังทำได้ 6 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ เท่า เบธ มีด อีกด้วย ซึ่งต้องขอบคุณการส่งลูกของ สเวเนีย ฮัธ มิดฟิลด์เพื่อนร่วมทีมโวล์ฟบวร์กของป๊อปป์ ซึ่งสามารถจ่ายบอลทำแอสซิสต์ได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นคู่หูที่ทีมชาติอังกฤษคงต้องจับตามอง

สรุป
แม้ว่าจากสถิติการพบกันที่ผ่านมา ทีมชาติอังกฤษจะคว้าชัยชนะน้อยกว่า แต่ผลงานในช่วงหลังที่นำโดยวิกแมนพิสูจน์แล้วว่ากำลังมาในทิศทางที่ถูกต้อง เกมรุกมีความชัดเจนและหนักแน่น พวกเธอยิงประตูได้มาก มีผู้เล่นหลายคนที่สามารถเล่นตำแหน่งตัวยิงได้ ยังไม่นับว่าได้เปรียบตรงเป็นเจ้าบ้านและได้เล่นที่เวมบลีย์ ซึ่งแน่นอนว่า เสียงเชียร์และกำลังใจในวันอาทิตย์ของอังกฤษย่อมจะเพิ่มพลังให้สิงโตสาวอย่างแน่นอน นอกจากนั้น การแข่งขันในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่พวกเธอจะสร้างประวัติศาสตร์คว้าถ้วยแรกให้ทีมชาติได้ ซึ่งแน่นอนว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก

ด้านเยอรมนีแชมป์เก่า แม้จะยิงประตูไม่ได้มากเท่ากับทีมชาติอังกฤษ แต่ก็สามารถเก็บคลีนชีทได้ตลอดการแข่งขัน ไม่นับจังหวะทำเข้าประตูตัวเองอย่างไม่ตั้งใจของผู้รักษาประตูในการแข่งขันกับฝรั่งเศส อีกทั้งความเป็นผู้นำ และการวางตำแหน่งตัวเองของป๊อปป์ที่ทำให้ทีมได้เปรียบในการรุกมาหลายเกมแล้ว เชื่อว่าการแข่งขันในวันอาทิตย์ระหว่างทั้งสองทีมจะต้องเข้มข้นและเรียกเสียงฮือฮาจากรอบสนามได้อย่างแน่นอน

และด้วยความกินกันไม่ลงของทั้งสอง การแข่งขันในครั้งนี้อาจต้องจบลงที่ลูกโทษก็เป็นได้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image