“สิงโตคำราม” อังกฤษ ทำได้เพียงบุกไปเสมอโครเอเชีย 0-0 ที่สนามเอ็ชเอนเค เรยิก้า เมืองเรยิก้า เมื่อคืนวันที่ 12 ตุลาคม ท่ามกลางสนามที่ไร้เงาแฟนบอลแม้แต่รายเดียว เพราะต้องแข่งขันในสนามปิด เนื่องจากโครแอตซึ่งเป็นเจ้าบ้านติดโทษแบนจากยูฟ่า กรณีที่แฟนบอลชูธงสัญลักษณ์นาซี ในศึกยูโร 2016 รอบคัดเลือก เมื่อปี 2015
ทีมชาติอังกฤษ ของแกเร็ธ เซาธ์เกต นำโดยแฮร์รี่ เคน, มาร์คัส แรชฟอร์ด และราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นสามประสานในเกมรุก ขณะที่โครแอตของซลัตโก้ ดาลิช ใช้ลูก้า โมดริช, อังเดร ครามาริช และอีวาน เปริซิช คอยสร้างสรรค์เกม ซึ่งโครเอเชีย เคยเอาชนะ อังกฤษ ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบรองชนะเลิศที่รัสเซียมาแล้ว
สำหรับเกมนี้เป็นฝ่ายสิงโตคำรามที่ได้ครองบอลมากกว่า แต่โอกาสทำเกมรุกกลับมีไม่เยอะมากนัก เช่นเดียวกับโครเอเชีย โดยทั้งสองทีมมีสถิติยิงตรงกรอบตลอดทั้งเกมแค่ฝั่งละ 3 ครั้งเท่านั้น และยิงหลุดกรอบอีกฝั่งละ 3 ครั้งเช่นกัน
สิ่งที่น่าสนใจของเกมนี้คงจะเป็นการประเดิมสนามทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกของเจดอน ซานโช่ แข้งแนวรุกดาวรุ่งแดนผู้ดี ที่กำลังโชว์ฟอร์มให้กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในศึกบุนเดสลีก้า เยอรมนี ขณะนี้ ซึ่งเจ้าตัวลงมาเป็นตัวสำรองของอังกฤษแทนสเตอร์ลิ่งในนาทีที่ 78 แต่ก็ไม่สามารถล่าตาข่ายได้สำเร็จ จบเกมเสมอกันไปจืดชืด 0-0 แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน
ด้านคะแนนในกลุ่ม 4 นั้น อังกฤษและโครเอเชีย มี 1 คะแนนเท่ากัน แต่อังกฤษอยู่อันดับ 2 เนื่องจากลูกได้เสียติดลบแค่ 1 ขณะที่โครเอเชีย จมบ๊วย อยู่อันดับ 3 เพราะติดลบถึง 6 ประตู ส่วนอันดับที่ 1 ได้แก่ สเปน มี 6 คะแนนจากการชนะอังกฤษและโครเอเชียมา 2-1 และ 6-0 ตามลำดับ
ผลการแข่งขันเนชั่นส์ลีกคู่อื่นๆ
เบลเยียม 2-1 สวิตเซอร์แลนด์
ออสเตรีย 1-0 ไอร์แลนด์เหนือ
เอสโตเนีย 0-1 ฟินแลนด์
กรีซ 1-0 ฮังการี
เบลารุส 1-0 ลักเซมเบิร์ก
มอลโดวา 2-0 ซาน มาริโน
