เฟร์นานโด ตอร์เรส อดีตกองหน้าทีมชาติสเปน เปิดใจถึงสาเหตุที่ตัดสินใจแขวนสตั๊ด พร้อมกับยกย่องสตีเว่น เจอร์ราร์ด คือเพื่อนร่วมทีมที่เจ๋งที่สุดตลอดการเล่นอาชีพของตน หลังจากที่แข้งชาวสเปนวัย 35 ปี ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ โดยมีงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน
ตอร์เรส อดีตนักเตะของลิเวอร์พูล, เชลซี ซึ่งปัจจุบันกำลังค้าแข้งให้กับซากัน โทสุ ในเจลีกของญี่ปุ่น หลังย้ายออกจากแอตเลติโก้ มาดริด เมื่อปี 2018 ได้เปิดเผยสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพว่า จากนี้อาจไม่สามารถรักษาขีดความสามารถทั้งร่างกายและจิตใจในระดับที่ตัวเองคาดหวังไว้ ซึ่งตนไม่อยากที่จะลงสนามโดยไม่มีความสนุกกับการเล่นฟุตบอลอีกต่อไปในอนาคต สุดท้ายจึงตัดสินใจปิดฉากการค้าแข้งก่อนสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้น
“นักเตะที่ดีที่สุดที่ผมเคยร่วมงานด้วยคือเจอร์ราร์ด เขาคือคนที่เติมเต็มการเล่นฟุตบอลของผมให้สมบูรณ์แบบ การเล่นของผมนั้นก้าวหน้าไปอีกขั้นเมื่อได้ประสานงานร่วมกับเขา ซึ่งนับเป็นช่วงเวลา 3 ปีครึ่งที่วิเศามากกับการได้เล่นเคียงข้างเจอร์ราร์ด และผมอยากย้อนเวลากลับไปยังช่วงเหล่านั้นเหลือเกิน แม้จะทำได้เพียงแค่หนึ่งนาทีก็ตาม” ตอร์เรสเปิดใจ
อดีตแข้งทีมชาติสเปนเผยอีกว่า การเล่นฟุตบอลนัดสุดท้ายในชีวิตคือเกมที่จะพบกับวิสเซล โกเบ ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ ซึ่งมีอันเดรส อิเนียสต้า และดาบิด บีย่า 2 แข้งจอมเก๋าชาวสเปนเป็นคู่แข่ง
“การได้ลงเล่นเกมอำลาวงการฟุตบอลด้วยการปะทะแข้งกับเพื่อนรักอย่างอิเนียสต้า เป็นสิ่งที่ไม่สามารถจินตนาการได้มาก่อน นอกจากนี้ยังมีบีย่า นักเตะผู้ซึ่งได้มีความทรงจำที่ดีที่สุดร่วมกันในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสเปนอีกด้วย (คว้าแชมป์ร่วมกันในศึกยูโร 2008 และฟุตบอลโลก 2010) ซึ่งการอำลาสนามโดยมีเพื่อนรักทั้ง 2 คนนั้นถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆ” ตอร์เรสเปิดใจ
อนาคตหลังจากการแขวนสตั๊ดนั้นตอร์เรสเปิดเผยว่า เตรียมร่ำเรียนในด้านการเป็นโค้ชและการบริหาร ก่อนตัดสินใจอีกครั้งว่าจะทำอะไรต่อ แต่ที่แน่ๆ ต้องเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอล เพราะฟุตบอลคือส่วนหนึ่งของชีวิตและคิดว่าตัวเองยังสามารถทำอะไรในวงการลูกหนังได้อีกมากมาย
ตอร์เรส ยิงไป 81 ประตูตลอด 3 ปีครึ่งในพรีเมียร์ลีก กับลิเวอร์พูล ก่อนข้ามฟากมาซัลโว 45 ลูก พร้อมคว้าดับเบิลแชมป์ ทั้งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และเอฟเอคัพกับเชลซีในฤดูกาล 2011-12 ก่อนคว้าถ้วยยูโรป้าลีกเพิ่มอีกในซีซั่นถัดมา
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
