สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กุนซือของเรนเจอร์สในสกอตติช พรีเมียร์ลีก โวยผู้ตัดสินว่าไม่เป่าล้ำหน้าในจังหวะที่เซลติกได้ประตูชัย ทำให้เขาพลาดโอกาสพาเรนเจอร์สคว้าแชมป์หนแรกในรอบ 8 ปี หลังจากพ่ายให้คู่ปรับตลอดกาล เซลติก ที่เหลือผู้เล่น 10 คน 0-1 ในรอบชิงชนะเลิศศึกสกอตติช ลีกคัพ ที่เมืองแฮมป์เดน เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม
โดยประตูชัยของเซลติกนั้นเกิดขึ้นในนาที 60 จากจังหวะเปิดฟรีคิกริมเส้นฝั่งซ้าย และเป็นคริสโตเฟอร์ จูเลียน เซ็นเตอร์แบ๊กเซลติกเข้าชาร์จ่อๆ ตุงตาข่าย ก่อนที่อีก 3 นาทีต่อมาเซลติกจะเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อเฌเรมี่ ฟริมปง โดนใบแดงโดยตรงไล่ออกจากสนามจากจังหวะเข้าสกัดอัลเฟรโด้ โมเรลอส ในกรอบเขตโทษ และเรนเจอร์สได้ลูกโทษที่จุดโทษ
แต่ทว่า เรนเจอร์สพลาดโอกาสตีเสมอเมื่อเฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ นายทวารเซลติกเซฟลูกโทษของโมเรลอสเอาไว้ได้ และยังโชว์ซุปเปอร์เซฟอีกหลายลูก สุดท้ายเซลติกเอาชนะไป 1-0 คว้าแชมป์สกอตติช ลีกคัพ สมัยที่ 4 ติดต่อกันและเป็นแชมป์บอลถ้วยบอลลีกของสกอตแลนด์รายการที่ 10 ติดต่อกันของเซลติกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เจอร์ราร์ดมองว่า จังหวะที่เซลติกได้ประตูชัยนั้น มีนักเตะเซลติก 3 คน รวมถึงคนทำสกอร์ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อนแล้ว
“รอบชิงชนะเลิศมักถูกตัดสินจากจังหวะสำคัญๆ เสมอ ซึ่งจังหวะสำคัญที่เกิดขึ้นในเกมนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ เราเสียประตูจากลูกที่ไม่ควรเสีย เพราะที่มีผู้เล่นเซลติกยืนล้ำหน้าอยู่ถึง 3 คน แต่น่าเสียดายจริงๆ ที่เราเล่นฟุตบอลในประเทศที่ไม่ได้ใช้วีเออาร์” เจอร์ราร์ด ระบุ
Rangers fans will no doubt wonder how they lost that game but sometimes in football you don't get what you deserve. I watched that particular movie a lot in the 90's when Celtic pounded Rangers & lost. The only stat that matters in the end is the scoreline pic.twitter.com/XKIFIda4b9
— Lisbon Lion (@tirnaog09) December 8, 2019