อดีตเอเยนต์ยืนยัน ‘เชลซี’ เคยเกือบปิดดีลซิวตัว เนย์มาร์ เข้าสังกัด
วากเนอร์ ริเบโร่ อดีตเอเยนต์ของ เนย์มาร์ เปิดเผยว่า “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี สโมสรดังในศึกพรีมียร์ลีก อังกฤษ เคยเกือบจะปิดดีลคว้าตัวเนย์มาร์ สตาร์ดังบราซิเลียนมาแล้วในอดีตจากการรายงานของมิร์เรอร์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวต้องย้อนไปเมื่อปี 2010 ซึ่งเชลซีได้สอบถามถึงความเป็นไปได้ในการคว้าตัวเนย์มาร์ ที่ขณะนั้นกำลังเป็นแข้งดาวรุ่งอนาคตไกลวัย 17 ปี
ริเบโร่ กล่าวว่า ช่วงนั้นมีหลายสโมสรที่สนใจในตัวเนย์มาร์ และตนก็ได้รับข้อเสนอจากเชลซี ในตอนที่แข้งแซมบ้าลงประเดิมสนามให้กับทีมชาติบราซิลชุดใหญ่เมื่อปี 2010 และเราก็ศึกษาดู แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจได้ จึงให้นักเตะกับพ่อของเขาจัดการต่อ จากนั้นเราก็ได้รับการติดต่อจากบาเยิร์น มิวนิกและยูเวนตุส ซึ่งตนก็ได้ไปพูดคุยกับพวกเขาที่ตูริน
ขณะนั้น ข้อเสนอของเชลซีถือว่าน่าดึงดูดไม่น้อย เพราะเวลานั้นไม่ช่วงที่สิงห์บลูส์เพิ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2009-10 ภายใต้การทำทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ ซึ่งมีรายงานเสริมว่า เนย์มาร์และตัวแทนของเขายอมรับเงื่อนไขเบื้องต้นแล้วหลังจากได้พบปะแบบส่วนตัวกับบอร์ดบริหารของเชลซี โดยมีปินี่ ซาฮาวี่ ซูเปอร์เอเยนต์อยู่ที่นั่นด้วย ก่อนที่ข้อเสนอดังกล่าวจะถูกส่งไปยังซานโต๊สต้นสังกัดของเนย์มาร์ โดยหลุยส์ อัลวาโร่ เด โอลิเวียร่า ริเบียโร่ อดีตประธานสโมสรซานโตสเผยว่า เชลซีเคยยื่นข้อเสนอมาประมาณ 25 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายดีลย้ายซบเชลซีก็ไม่เกิดขึ้น และหลังจากนั้นก็เป็นบาร์เซโลน่าที่คว้าตัวเนย์มาร์จากซานโต๊สได้สำเร็จในปี 2013 ซึ่งในเวลาต่อมา ดีลดังกล่าวทำให้บาร์ซ่าถูกสอบสวนจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เนื่องจากพบข้อสงสัยในรายละเอียดของเอกสารการย้ายทีม โดยบาร์ซ่าระบุว่าดีลนี้มีมูลค่า 50 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นราคาที่คาดว่าจะต่ำกว่าการย้ายทีมจริงในมูลค่ามากกว่า 70 ล้านปอนด์ โดยในจำนวนนั้น เงินกว่า 30 ล้านปอนด์ถูกมอบให้กับครอบครัวของนักเตะนั่นเอง
ส่วนปัจจุบัน เนย์มาร์ที่กำลังค้าแข้งกับ “เปแอสเช” ปารีส แซงต์แชร์แมง ทีมมหาเศรษฐีของลีกเอิง ฝรั่งเศส มีข่าวว่าตัวนักเตะต้องการย้ายไปกลับค้าแข้งกับบาร์เซโลน่าอีกครั้ง หลังเคยโชว์เพลงแข้งในถิ่นคัมป์นูระหว่างปี 2013-2017 และคว้าแชมป์ลาลีก้า สเปน 2 สมัย กับแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย ก่อนย้ายซบเปแอสเชในเดือนสิงหาคมปี 2017 ด้วยค่าตัวสถิติโลก 222 ล้านยูโร หรือประมาณ 198 ล้านปอนด์
