เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ EllenTube เผยแพร่คลิปรายการทอล์กโชว์ The Ellen Degeneres Show ของพิธีกรสาวชื่อดัง เอลเลน ดีเจนเนเรส ซึ่งมีทีมหมูป่า อะคาเดมี่ จ.เชียงราย 13 ชีวิต เป็นแขกรับเชิญพิเศษ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ของสหรัฐอเมริกาในวันดังกล่าว เวลาประมาณ 20.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
เอลเลนกล่าวต้อนรับทีมหมูป่าว่า หลังจากเรื่องราวการกู้ภัยอันน่าระทึกเมื่อเดือนกรกฎาคม วันนี้ทีมหมูป่า อะคาเดมี่ ทั้ง 13 คน จะมาให้สัมภาษณ์เปิดใจทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก และชื่นชมว่าทุกคนสุดยอดมากๆ ดีใจที่ได้ต้อนรับทุกคน โดยทีมหมูป่าได้ไหว้ทักทายเอลเลนและผู้ชมในห้องส่งพร้อมรอยยิ้มอย่างนอบน้อม
จากนั้นเอลเลนจึงสัมภาษณ์ผ่านล่ามชาวไทยว่า เหตุการณ์ที่ถ้ำหลวงผ่านมาหลายเดือนแล้ว รู้สึกอย่างไรกันบ้างในเวลานี้ ซึ่งทีมหมูป่าตอบว่า สบายดีและแข็งแรงเป็นปกติดีแล้ว
ต่อมาเอลเลนถามถึงจุดเริ่มต้นว่าเหตุใดทีมหมูป่าจึงเข้าไปในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน และแผนเดิมตั้งใจว่าจะใช้เวลาในนั้นนานเท่าใด ซึ่ง “โค้ชเอก” เอกพล จันทะวงษ์ เล่าว่า วันนั้นไปซ้อมฟุตบอลกันตามปกติ ถ้ำหลวงปกติเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอยู่แล้ว บางคนในทีมเคยเข้าไปแล้ว บางคนยังไม่เคยเข้าไป ขากลับจากซ้อม ก็ชวนกันแวะเข้าไป กะว่าจะไปแค่ชั่วโมงเดียวแล้วออกมาเพื่อส่ง “น้องไตตั้น” ชนินทร์ วิบูลย์รุ่งเรือง ไปเรียนพิเศษ และส่ง “น้องไนท์” พีรพัฒน์ สมเพียงใจ ไปฉลองวันเกิด
หลังจากนั้นทีมหมูป่าเล่าต่อว่า เมื่อเข้าไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมงจึงพากันออกมา แต่เมื่อถึงสามแยกกลับพบว่ามีน้ำท่วมขึ้นมาเต็มไปหมด ไม่สามารถออกจากถ้ำได้ เอลเลนจึงถามว่า เมื่อติดถ้ำแล้ว รู้สึกอย่างไรคิดว่าจะมีโอกาสที่น้ำจะลดลง หรือเวลาไหนที่เกิดความรู้สึกกลัวว่าตัวเองจะออกมาไม่ได้หรือไม่ ซึ่งโค้ชเอกตอบว่า ไม่คิดว่าจะออกมาไม่ได้เลย ทุกคนยังมีความหวัง และคิดว่าผู้ใหญ่คงไม่ทิ้งทุกคน จะต้องพาออกมาได้แน่นอน
เอลเลนกล่าวว่า เป็นเรื่องน่าทึ่งมากที่ทุกคนไม่ถอดใจ ไม่รู้สึกหมดหวัง และถามว่ายังใจเย็นอยู่ได้อย่างไรในสภาพนั้น ซึ่งเด็กๆ ตอบว่า โค้ชเอกให้น้องๆ มานั่งสวดมนต์ก่อนนอน จิตใจจะได้สงบ จะได้มีสติ ซึ่งโค้ชเอกเสริมว่า ที่ให้น้องๆ ทำสมาธิเพื่อใหสติไม่ฟุ้งซ่านและเพื่อรักษาพลังงาน เอลเลนจึงกล่าวย้ำว่า เห็นชัดว่าในเหตุการณ์นี้การทำสมาธิถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยในหลายๆ เรื่อง
เอลเลนถามว่ามีอาหารติดตัวไปหรือไม่ ได้ดื่มหรือทานอะไร ซึ่งทีมหมูป่าตอบว่า ทิ้งอาหารกับสัมภาระไว้หน้าถ้ำ มีแค่น้ำติดตัวไปกับไฟฉายเท่านั้น พอติดอยู่ในนั้นต้องอาศัยดื่มน้ำตามผนังถ้ำ เพราะน้ำที่ท่วมภายในถ้ำไม่สะอาด และเป็นดินโคลน
ต่อคำถามว่าหลับได้หรือไม่ โค้ชตอบว่า หลับๆ ตื่นๆ เพราะอากาศค่อนข้างเย็น
จากนั้นเอลเลนถามว่าช่วงติดถ้ำนั้นบังเอิญตรงกับวันเกิดของเด็กๆ ถึง 4 คน จึงกล่าว “Happy Birthday” กับทั้ง 4 คน เรียกเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือจากในห้องส่ง
เอลเลนถามว่า เนื่องจากในถ้ำมืดมาก รู้เวลาหรือวันคืนหรือไม่ เด็กๆ ตอบว่า รู้เพราะมีคนใส่นาฬิกาเข้าไปคนหนึ่งจึงรู้ทั้งวันและเวลา เอลเลนจึงถามติดตลกว่าแล้วได้ฉลองวันเกิดกันในถ้ำหรือไม่ ทีมหมูป่าตอบว่าไม่ได้ฉลองกัน
ส่วนคำถามเกี่ยวกับกระบวนการช่วยเหลือออกจากถ้ำนั้น ทีมหมูป่ากล่าวว่าจำอะไรไม่ได้เลย เพราะมืดมากด้วย เอลเลนถามว่าเมื่อออกมาแล้ว ทราบหรือไม่ว่าโลกทั้งโลกติดตามข่าวของทีมหมูป่าอย่างใกล้ชิด ทีมหมูป่าตอบว่าตอนอยู่ในถ้ำไม่ทราบเลย มาทราบหลังจากอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
หลังจากนั้น เอลเลนกล่าวว่า ในเมื่อทุกคนเป็นทีมฟุตบอล จึงมอบเสื้อบอลสั่งทำพิเศษเป็นโลโก้หน้าของเอลเลนเป็นของขวัญสำหรับทั้งทีม
เอลเลนถามว่า อนาคตอยากทำอะไร น้องไตตั้นเป็นตัวแทนตอบว่า อยากเรียนจบสูงๆ มีงานทำ และอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ นำรายได้ไปเลี้ยงพ่อแม่ เรียกเสียงปรบมือกึกก้อง
เอลเลนถามว่า มีนักฟุตบอลคนโปรดหรือไม่ ชอบซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้าชาวสวีดิชของแอลเอ แกแล็กซี่หรือไม่ ซึ่งทุกคนบอกว่า “ชอบ” เอลเลนจึงเชิญซลาตันออกมาเซอร์ไพรส์ทุกคน ซึ่งซลาตันได้เดินไปตีมือสมาชิกทุกคนในทีม
ซลาตันบอกว่า ทีมฟุตบอลทีมนี้ทุกคนกล้าหาญมาก กล้าหาญกว่าตนเสียอีก แสดงให้เห็นถึงทีมเวิร์ก ความอดทน ความมุ่งมั่น และเชื่อมั่นในตัวผู้อื่น ก่อนจะกล่าวว่า “This is probably the best team in the world.” หรือชมว่า “นี่อาจจะเป็นทีมฟุตบอลที่เจ๋งที่สุดในโลกก็เป็นได้” แล้วซลาตันก็บอกว่าเตรียมของขวัญมาให้ โดยบอกเด็กๆ ว่า มาแลกเสื้อกัน แล้วมอบเสื้อทีมแอลเอ แกแล็กซี่ ให้เป็นที่ระลึก
