‘ราเยวัช’ยันเปิดเกมบุกถล่ม ‘ติมอร์’ ไม่ประมาทแม้คู่แข่งใช้ดาวรุ่งเล่น

“ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เตรียมประเดิมสนามเพื่อป้องกันแชมป์ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018” ในเกมรอบแรก กลุ่มบี ด้วยการเปิดราชมังคลากีฬาสถาน รับการมาเยือนของ ติมอร์เลสเต ในวันที่ 9 พฤศจิการยน เวลา 19.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7

ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ได้มีการแถลงข่าวก่อนการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ทีมช้างศึกนำมาโดย “โค้ชมิโล” มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอน และ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว กัปตันทีมชุดนี้ ส่วนฝั่งติมอร์เลสเต นำมาโดย โนริโอะ สึกิตาเตะ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น และ วิคเตอร์ ฮอร์เก้ ซาบาส กองหลังของทีม

ราเยวัช กล่าวว่า ความพร้อมของทีมชาติไทยนั้นจากการได้ฝึกซ้อมตามแผนที่วางไว้มาเป็นอย่างดีทำให้ทีมมีความพร้อมมากในตอนนี้ การเล่นในบ้านถือว่าเป็นข้อดีของทีมไทย ที่ไม่ต้องเดินทาง ต้องขอบคุณทางติมอร์เลสเตที่ยอมมาเล่นที่ไทย อย่างไรก็ตามทีมไทยจะไม่ประมาทคู่แข่งเป็นอันขาด และมองการเล่นกันไปทีละนัด

Advertisement

เฮดโค้ชไทย กล่าวต่อว่า ทีมติมอร์เลสเตชุดนี้จากที่สำรวจข้อมูลมาเป็นผู้เล่นดาวรุ่ง อายุประมาณ 20 ต้นๆ เท่านั้น แต่ไม่ว่าติมอร์จะส่งใครลงมาเล่นก็จะต้องให้เกียรติคู่แข่งทั้งหมด เช่นเดียวกันนักเตะไทยที่จะได้ลงสนามชุดนี้ก็เป็นชุดที่แข็งแกร่งเช่นกัน เพราะว่า 23 คนที่เลือกมาลงสนามนั้นเป็นผู้เล่นที่แกร่งทั้งสิ้น

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า การเลือกเฉลิมพงษ์ เป็นกัปตันทีมนั้นเท่ากับการันตีตำแหน่งตัวจริงในทีมแล้วหรือไม่ ราเยวัช ตอบว่า ในการทำงานนั้นไม่เคยเลือก 11 ตัวจริงเอาไว้ก่อนการแข่งขัน เพราะต้องรอการซ้อมจนถึงครั้งสุดท้ายก่อน จึงจะมาตัดสินใจอีกครั้ง

Advertisement

กุนซือชาวเซอร์เบีย กล่าวปิดท้ายว่า เกมนี้ได้กำชับนักเตะให้เล่นเกมรุก แต่ก็เน้นเรื่องชัยชนะเพื่อ 3 คะแนนเอาไว้ก่อนเป็นอันดับแรก แล้วถ้ามีโอกาสยิงก็จะทำให้ได้เยอะๆ

ด้านเฉลิมพงษ์ กล่าวว่า ทีมชุดนี้ได้เตรียมตัวมาเกือบ 2 สัปดาห์ รวมถึงมีเกมอุ่นเครื่องไปด้วย ทำให้นักเตะทุกคนมีความกระหายและพร้อมเต็มที่ที่จะลงเล่น ส่วนตัวดีใจที่ได้รับตำแหน่งเป็นกัปตันทีม ก็จะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกมรับที่เป็นหน้าที่หลักของตัวเอง

ขณะที่ โนริโอะ สึกิตาเตะ เฮดโค้ชติมอร์ กล่าวว่า เกมนี้พยายามบอกนักเตะว่าถึงแม้จะต้องเป็นฝ่ายมาเยือน แต่ให้คิดเหมือนว่าเล่นอยู่ในบ้านตัวเอง ทำผลงานให้ดีที่สุด รู้ดีว่าติมอร์นั้นเป็นทีมรองบ่อน แล้วไทยเองก็เป็นแชมป์เก่า แต่จะไม่กดดันตัวเอง และรู้สึกดีใจมากกว่าที่จะได้เล่นกับทีมชาติไทย นักเตะในทีมชุดนี้เป็นดาวรุ่งก็ถือว่าเป็นข้อดี เพราะว่าเรียนรู้ได้เร็ว และรับแผนการไปปฏิบัติได้ดี

โค้ชติมอร์ กล่าวต่อว่า เพิ่งได้รับทราบข้อมูลว่านักเตะไทยที่เล่นอยู่ในต่างประเทศทั้ง 4 ราย (ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน, ธีรศิลป์ แดงดา และกวินทร์​ ธรรมสัจจานันท์) ไม่ได้มาลงเล่นทัวร์นาเมนต์นี้ ก็รู้สึกเสียดายที่อดเจอกับยอดนักเตะชั้นนำของไทย

ส่วนแนวรับติมอร์ กล่าวว่า มีการเก็บข้อมูลทีมชาติไทยมาบ้าง รู้ว่ามีนักเตะบางคนได้เล่นในระดับเจลีก ของญี่ปุ่น แต่ครั้งนี้ไม่ได้มาเล่น อย่างไรก็ตามต่อให้ไม่มี 4 นักเตะที่เล่นอยู่ในต่างประเทศ ทีมชาติไทยชุดนี้ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี

โดยทีมไทยเป็นแชมป์ 5 สมัย สูงที่สุด และเป็นแชมป์ 2 สมัยหลัง หวังทำประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่ได้ 3 แชมป์ติด ด้าน ติมอร์ฯ เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 2 โดยคัดเลือกผ่าน บรูไน เข้ามา เกมนี้สลับมาเตะที่ไทย เนื่องจาก ติมอร์ฯ ไม่พร้อมจัดเกมในบ้าน

คู่นี้เคยเจอในศึกชิงแชมป์อาเซียนครั้งเดียว เมื่อปี 2004 ที่ ติมอร์ฯ เข้าแข่งขัน ปรากฏว่าไทยถล่ม 8-0 ส่วนชุดเล็กเจอกันในศึกซีเกมส์ 2017 ที่มาเลเซีย ทีมไทยเฉือน 1-0

นอกจากนี้ก่อนเกมการแข่งขันจะมีการยืนไว้อาลัยให้กับคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่เสียชีวิตจากเหตุเฮลิปคอปเตอร์ตกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image